fbpx

“ช้อปดีมีคืน” วันนี้วันสุดท้าย เสนอรัฐจัดปีละ3 ครั้ง

กรุงเทพฯ 15 ก.พ.-อย่าลืม “ช้อปดีมีคืน” วันนี้วันสุดท้าย ด้านเอกชนเสนอให้รัฐบาลใหม่ทำแผนต่อเนื่องจัด 3 ครั้ง/ปี กระตุ้นกำลังซื้อ  1.5 แสนล้านบาท 


มาตรการ “ช้อปดีมีคืน 2566” วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2566) เป็นวันสุดท้ายที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในการซื้อสินค้าหรือบริการตามเงื่อนไขที่กำหนด แล้วขอ “ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป” จากร้านค้า เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงวงเงินสูงสุดคนละ 40,000 บาท แบ่งเป็น ซึ่งเบ่งเป็นวงเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าทั่วไปไม่เกิน 30,000 บาท และการซื้อสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 10,000 บาท

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย  กล่าวว่า จากที่ภาคเอกชนรับทราบเบื้องต้นตั้งแต่เดือนพ.ย.65 ว่ารัฐบาลจะจัดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” จึงเตรียมแผนงานรองรับ ประกอบการปีนี้ โควิด-19  คลี่คลาย  จึงประเมินว่าจะช่วย กระตุ้นยอดขาย 10 %  ในสินค้าหลากหลาย  โดยเฉพาะ สินค้าไลฟ์ สไตล์ ประเภทไม่ใช่อาหาร   เครื่องใช้ไฟฟ้า ในส่วนนี้จะมียอดขายโตราว 15-20 %  โดยรวมแล้ว ปีนี้ คาดว่าจะมีผุ้ใช้สิทธิ์รวม  2.1 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธ์ 4 ล้านคน  วงเงินใช้จ่ายราว 6.3 หมื่นล้านบาท และคาดจะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนประมาณ   30,000 บาท เพราะต้องยอมรับว่า ผู้ที่มีการลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบซื้อสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีน้อยมีราว 1,500  ร้านค้าเท่านั้น


นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่าอยากเสนอไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ที่กำลังหาเสียง และหากจะเข้ามาเป็นรัฐบาลในอนาคตควรกำหนดมาตรการรูปแบบ “ช้อปดีมีคืน” เข้าไปเป็นนโยบายรัฐบาล  โดยขอให้  จัด”ช้อปดีมีคืน”  3 ครั้ง/ปี  ตามช่วงเทศกาลต่างๆ ได้แก่ 

เฟส 1 ช่วงเทศกาลปีใหม่ 1 มี.ค.-15 เม.ย ,เฟส 2 ช่วง Low Season 15 ก.ค.-31 ส.ค. และเฟส 3 ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 15 พ.ย.-31 ธ.ค. ซึ่งคาดเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญคาดว่าเม็ดเงินภาษีที่รัฐบาลจะเสียจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เท่านั้น นับว่า คุ้มค่ากับการลงทุน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย