กรุงเทพฯ 22 ม.ค.- “นฤมล” ลั่น พปชร.พร้อมลุยศึกเลือกตั้ง ชู “พล.อ.ประวิตร” แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 30 ชี้บุคลิกไม่ขัดแย้งกับใครในประเทศมีไม่เยอะ ตอบไม่ได้ใครจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ เหตุ พปชร. ปชป. รทสช. สอท. ชาติพัฒนากล้า ไทยภักดี ต้องแชร์คะแนนกัน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ พปชร. ในการสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566 ว่า พปชร.อยู่ระหว่างการจัดทัพและเสริมทัพของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. และเขตที่ ส.ส. มีแนวโน้มย้ายไปสังกัดพรรคใหม่และพรรคอื่นๆ และได้ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครมาตลอด โดยยืนยันว่าไม่ได้มีข้อกังวลใดๆ เพราะเชื่อว่าทุกพรรคดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เราพอจะรับทราบถึงทิศทางของ ส.ส. มาได้สักพักแล้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ได้เตรียมผู้สมัครทั้งในเขตที่มี ส.ส.อยู่แล้ว และเขตที่ไม่เคยมี ส.ส. รวมถึง ส.ส.ที่มีแนวโน้มจะย้ายออกไปอยู่พรรคใหม่และพรรคอื่นๆ เราได้เริ่มหาตัวผู้สมัครสำรองสำหรับเขตนั้นๆ ล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งน้ำคงจะค่อยๆ นิ่งและตกผลึกในที่สุด เพราะมีส่วนหนึ่งขยับออก จะมีส่วนหนึ่งขยับเข้ามา จะมาเติมเต็มกัน
นางนฤมล กล่าวว่า ที่ผ่านมา พปชร.ได้ขับเคลื่อนนโยบายที่วางไว้มาต่อเนื่อง เพื่อสร้างประเทศไทยให้มั่นคง ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจน ประชาชนอยู่ดีกินดีทุกพื้นที่ ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะหัวเมือง ต้องกระจายความเจริญออกไป อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐ เป็นนโยบายหลักที่ต้องต่อยอด การพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กลายเป็นโจทย์ใหญ่ก็มีนโยบายที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ภาคการเกษตร นโยบายเหล่านี้จะค่อยๆ ทยอยเปิดให้ประชาชนเห็น ดังนั้น นโยบายของพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ที่มีความเข้มแข็ง รวมถึงภาวะผู้นำของพรรค จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นจนสามารถผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 สอดรับกับภาพที่ประชาชนได้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้มีภาวะการเป็นผู้นำที่กล้าตัดสินใจในสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน อีกทั้งไม่เคยขัดแย้งกับใคร และสามารถทำงานได้กับทุกพรรคการเมือง
“พล.อ.ประวิตร เป็นผู้นำที่มีลักษณะพิเศษ ไม่ขัดแย้ง ไม่โกรธ ให้อภัยทุกคนตลอด กวาดสายตามองออกไป คนที่เป็นเช่นนี้มีไม่เยอะในประเทศไทย ซึ่งจะมาเป็นผู้นำที่ทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้นำที่นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมดได้จริงๆ หากไม่ได้ผู้นำเช่นนี้ ประชาชนยังตีกันอยู่” นางนฤมล กล่าว
นางนฤมล กล่าวว่า พปชร.มีฐานเสียงเดิม 8.4 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งปี 2554 และปี 2562 เท่ากับฐานเสียงของทั้ง 2 ขั้วการเมืองยังคงสูสีกัน ดังนั้น การเลือกตั้งปี 2566 อาจจะต้องยังแบ่งครึ่งๆ เหมือนเดิม โดยคราวนี้ขั้วการเมืองตรงข้ามมีพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคอื่นๆ เล็กน้อย อีกฝั่งมี พปชร. พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยภักดี ที่ต้องแชร์คะแนนกัน ดังนั้น จึงตอบยากมาก ส.ส.เขตได้เท่าไหร่ และคงตอบล่วงหน้าไม่ได้ ต้องดูตัวเลขคณิตศาสตร์หลังเลือกตั้งว่ามีเสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และต้องรอฟังมติคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ที่แน่นอนและชัดเจนคือ พปชร.มีอุดมการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ปี 2561 ที่พร้อมร่วมมือกับทุกคนเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง และวันนี้ยังเดินตามอุดมการณ์เดิมอย่างมั่นคง. – สำนักข่าวไทย