fbpx

สธ.ย้ำไม่จำเป็นต้องตั้งการ์ดสูงคุมนักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค.- “อนุทิน” รมว.สาธารณสุข ย้ำไม่จำเป็นต้องตั้งการ์ดสูงมาตรการคุมนักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย เน้นใช้สร้างสมดุล แจงจีนตรวจ RT-PCR ก่อนออกประเทศมาไทย ไม่บังคับตรวจซ้ำ แต่ต้องมีประกันสุขภาพ และหากอยากฉีดวัคซีนสร้างภูมิ ก็มีบริการแอสตราฯ แต่คิดค่าบริการ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการรับมือคลื่นมนุษย์จีน หลังจีนเตรียมเปิดประเทศวันที่ 8 ม.ค.นี้ว่า ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม มีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด เบื้องต้นแนวทางการรับมือกับนักท่องเที่ยวจีน ยังมีความคล้ายคลึงกับมาตรการเดิม แต่ทางการจีนจะมีความเข้มตั้งแต่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกจากประเทศ ต้องมีการตรวจ RT-PCR ก่อน และต้องรับวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนการติดเชื้อในประเทศจีนเองก็ทราบว่ามี 60% ก็ถือว่า คนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ส่วนเมื่อมาไทยก็ต้องมีการทำประกันสุขภาพ เพื่อหากเจ็บป่วยจะไม่ได้เป็นภาระในการดูแล และหากต้องการรับวัคซีนเพิ่มก็สามารถรับได้ โดยรัฐบาลเตรียมฉีดแอสตร้าฯ ให้กับนักท่องเที่ยวด้วยความสมัครใจ แต่ในส่วนนี้จะต้องมีการคิดค่าใช้จ่าย

นายอนุทิน กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องมาตรการต่างๆ ของทางกรมควบคุมโรค ไม่ได้คิดคำนึงด้านสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่คิดเรื่องของหลักเศรษฐกิจด้วย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยพลิกฟื้น จึงไม่ได้เข้มมาก แต่คิดเรื่องสมดุล ไม่จำเป็นต้องตั้งการ์ดสูงแบบมาตรการของญี่ปุ่น ที่ทำให้ทางการจีนไม่ค่อยชอบใจหนัก พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจออกมาตรฐานเป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติ อีกทั้งระบบเศรษฐกิจไทยได้รับการพึ่งพาจากท่องเที่ยวจีน ฉะนั้นจากประสบการณ์การปิดบ้านปิดเมืองเหมือนในเมื่อ 3 ปีก่อนทำไม่ได้แล้ว ส่วนมาตรการในคนไทยก็เน้นย้ำให้ผู้รับบริการนักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีน 4 เข็ม และใช้มาตรฐาน SHA+ และยังต้องสวมหน้ากาอนามัย ล้างมือ. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553