กรมสอบสวนคดีพิเศษ 21 เม.ย.- ผู้เสียหายจากการถูกหลอกให้ไปร่วมลงทุนธุรกิจทัวร์-จองห้องพัก ร้องดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษฯ ศูนย์ราชการ ว่าเมื่อเวลา 11.00 น. ผู้เสียหายจากการถูกหลอกให้ไปร่วมลงทุนธุรกิจทัวร์-จองห้องพัก ที่มีนายโอม นายโจ้ และหมอเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมตัวกันเพื่อติดตามความคืบหน้าและเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ โดยมีนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูล รองผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เป็นผู้รับเรื่องและชี้แจง
ผู้เสียหาย กล่าวว่า การมาติดตามคดีในวันนี้ มีทั้งผู้เสียหายที่อยู่ในกรุงเทพและเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพราะมีความกังวลว่า คดีจะเกิดความล่าช้า และผู้กระทำความผิดจะหลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมทั้งขอให้ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ โดยได้รวบรวมรายชื่อและหลักฐานที่ร่วมลงทุนในเครือข่ายของนายโอมและนายโจ้ กว่า 140 คน มูลค่าที่ลงทุน 250 ล้านบาท มามอบให้กับดีเอสไอ โดยหวังว่าจะมีการเร่งดำเนินคดีเพื่อนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษและคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหาย
ด้านนายปิยะศิริ กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวทางดีเอสไอได้รับไว้เป็นคดีสืบสวนแล้ว เลขคดีสืบสวนที่ 77/60 เชื่อว่าจะมีการพิจารณาเพื่อรับเป็นคดีพิเศษในอีก 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้จะต้องสืบสวนพฤติกรรมและวิธีการชักชวนให้ลงทุน ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ จะเชิญผู้เสียหาย 12 คน เข้าให้รายละเอียดกับดีเอสไอ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีจึงอยากให้รีบเร่งรับเป็นคดีพิเศษ นั้น ทางดีเอสไอ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีผลต่อการหลบหนี แต่เมื่อดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว ก็จะมีการแจ้งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบกรณีจะเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามแนวทางการสืบสวน ทางดีเอสไอจะต้องวิเคราะห์ข้อมูล ความเชื่อมโยงทางการเงิน การลงทุน ส่วนทรัพย์ที่ถูกโกงไปนั้น ก็จะมีการตรวจสอบและยึดทรัพย์ตามอำนาจหน้าที่
นายอิสระ ขันติวงศ์ อาชีพธุรกิจส่วนตัว 1 ในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่คบกันมากว่า 20 ปีให้มาร่วมลงทุนดังกล่าว โดยอ้างว่าหากลงทุนในทัวร์ดังกล่าวที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ 12 เปอร์เซ็นต์ จึงได้นำเงินจำนวน 1 แสนบาทมาร่วมลงทุน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 และได้รับเงินคืนทุกครั้ง จึงเกิดความมั่นใจและลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเห็นว่าเพื่อนคนดังกล่าวมีรายได้จนสามารถซื้อบ้านและรถ ไม่คิดว่าเพื่อนจะหลวกลวง แต่มาถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา รู้สึกเอะใจว่าจะถูกหลอก เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจำนวนมาก แต่เพื่อนกลับบอกว่ามีรายได้น้อยจึงขอลดส่วนแบ่งรายได้ ส่วนตัวไม่คาดหวังจะได้เงินคืน แต่อยากรู้ว่าเพื่อนโกงจริงหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย