กรุงเทพฯ 23 ก.ย.-ผู้อำนวยการ กทท. ย้ำการท่าเรือกรุงเทพมีความเป็นผู้นำธุรกิจบริการโลจิสติกส์ครบวงจรเปิดตัวโครงการ Bangkok Port Center
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ หรือ กทท. เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยในปี 2565 มีทิศทางการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจัยสําคัญที่ช่วยผลักดันการเพิ่มการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ คือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ที่จะช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) จึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้กลยุทธ์ Digital Marketing เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลออนไลน์ พร้อมทั้งปรับปรุงธุรกิจให้ทันต่อสภาวการณ์ตลาดสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและนำไปสู่การตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มองเห็นภาพรวมของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทางการผลิต ไปจนถึงปลายทางการจัดส่งสินค้า ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยเหตุนี้ ทกท. ในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมโยงสินค้าระหว่างผู้บริโภค และตลาดการค้าทั่วโลก จึงได้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้บริหารจัดการดำเนินงานเป็นท่าเรือแม่น้ำที่ได้มาตรฐานสากลและรองรับโครงข่ายการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ในระดับนานาชาติ ส่งเสริมการค้าและการลงทุนทำให้ภาพลักษณ์ของ ทกท. มีความทันสมัยมากขึ้นเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งจึงมีการเปิดตัวโครงการ Bangkok Port Center ในรูปแบบจําลอง Virtual Port ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชีวิตดีๆ เริ่มที่ท่าเรือกรุงเทพ” เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชน โดยเริ่มต้นจากการทําเว็บไซต์ เพื่อการแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์ ตามด้วยการมีเครื่องมือการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) เพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจ อย่าง Facebook, YouTube โดยใช้รูปแบบการสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication)
ทั้งนี้ เพื่อสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำรายได้ให้แก่ ทกท. โดยตรงและขยายฐานลูกค้ากลุ่มต่างๆมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน อาทิ ธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจ E Commerce สตาร์ทอัพ (Start Up) อีกทั้งเป็นการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูล (Big Data) มีระบบการจัดเก็บข้อมูลกลุ่มลูกค้าเมมเบอร์ โดยทุกหน่วยงานที่อยู่ต่างระบบสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อัตโนมัติแบบไร้รอยต่อ อาทิ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ (G2G) ภาคธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) และภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (B2B) ต่อยอดสู่การเป็นฐานข้อมูลด้านการขนส่งของท่าเรือให้เป็นข้อมูลกลางครอบคลุมทัพพลายเชนในระบบทั้งหมด อาทิ ผู้ขนส่งสินค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องด้านการขนส่งโลจิสติกส์ พันธมิตร ทกท.พร้อมสนับสนุนธุรกิจและบริการของลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มร้านค้าต่างๆทั้งสายเรือ FFW ผู้นำเข้า-ส่งออก และกลุ่มร้านค้าในเขตคลองเตยได้มีพื้นที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ฟรี ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และ positioning ของ ทกท ให้เป็น “ท่าเรือแม่น้ำที่ได้มาตรฐานสากล” ที่สร้างมูลค่าเพิ่มช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนพร้อมสนับสนุนธุรกิจ SME อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการพัฒนาขีดความสามารถการดำเนินงานให้กับองค์กรพร้อมรองรับธุรกิจออนไลน์มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทุกมุมโลก เช่น e-Marketplace, e-Learning, e-Training เป็นต้น ซึ่งได้พัฒนาประสิทธิภาพเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กัน ได้แก่ระบบให้บริการอิเล็กทรอนิกส์แบบเบ็ดเสร็จ (One Stop e-Port Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ โดยเพิ่มช่องทางการยื่นแบบคำร้องขอใช้บริการด้านเรือ สินค้า สินค้า และเครื่องมือทุ่นแรง และการชำระเงินค่าภาระผ่านระบบ e-Payment ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถลดขั้นตอน ระยะเวลา ค่าใช้จ่าย และ ลดความเสี่ยงการสัมผัสติดเชื้อ COVID-19 ในการเดินทางมาติดต่อขอใช้บริการที่ทุกท. ทั้งนี้การทำธุรกรรมด้วยระบบดังกล่าวมีความปลอดภัย และสอดคล้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554 ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้าใช้บริการผ่านเว็บไซต์ http://www.eservice.port.co.th/EPort/memberlogin.xhtml แอปพลิเคชั่น “BKP iService” เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานการณ์บรรทุก ขนถ่ายตู้สินค้าได้ตลอดเวลาจากทุกสถานที่ การประมวลผลข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ
โครงการพัฒนาระบบ e-Payment ท่าเรือกรุงเทพ การบริการให้เป็นท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Port) ด้วยการใช้ระบบIT ในการบริหารจัดการการชำระเงินตู้สินค้าขาออกผ่านท่าเรือกรุงเทพโดยระบบจะจัดส่งข้อมูลของลูกค้าอยู่ในระบบดิจิทัลทั้งหมด เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน และลดปัญหาการจราจรแออัดคับคั่งบริเวณทางเข้า-ออกท่าเรือ สะดวกรวดเร็ว ชำระเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบการจัดการ PCS (Port Community System) ที่เป็น Platform ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) กับการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือประกอบด้วย ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า เจ้าของสายการเดินเรือ ผู้ประกอบการรถบรรทุก ผู้นำเข้า ตัวแทนส่งออก และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอาทิ กรมศุลกากร การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมเจ้าท่า อีกทั้งเป็นการรองรับการเชื่อมโยงกับระบบNational Single Window (NSW) และระบบ PCS อื่นๆ ในอนาคต ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกการให้บริการแก่ทุกภาคส่วน อันจะส่งผลให้เกิดการลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย