รร.เดอะสุโกศล 1 ก.ย. – “วสันต์” ชี้คดีรถอเนกประสงค์ อบจ.สงขลา “นิพนธ์” ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันดูสำนวนแล้วสู้ได้ หากไม่ชนะคงไม่รับให้เสียฟอร์ม
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความของนายนิพนธ์ และนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลงข่าวคดีเกี่ยวกับการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หรือ อบจ. โดยนายนิพนธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าวันนี้ตนไม่ขอพูดอะไร เพราะพูดมามากพอสมควรแล้ว
ขณะที่นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คุ้นเคยกับนายนิพนธ์ แต่มีความคุ้นเคยนายสุทัศน์ เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันตั้งแต่เรียนหนังสือ โดยนายสุทัศน์ แนะนำในคดีนี้ ทั้งนี้ ตนอยู่กระบวนการยุติธรรมเกินครึ่งศตวรรต มองว่าใครได้รับความเป็นธรรม ใครไม่ได้ความเป็นธรรม รูปคดีเป็นอย่างไรพอมองออก เมื่อเอาเรื่องราวมาดูและตรวจสอบเอกสาร เห็นว่านายนิพนธ์เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจึงรับเป็นทนายความให้
โดยสรุปเหตุคดีคือ อบจ.สงขลา ต้องการซื้อรถอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 40 กว่าล้านบาท ใช้การประมูลเสนอราคาตามขั้นตอน จนกระทั่งทำสัญญาส่งมอบรถฯ ผู้ขายขอเบิกค่ารถ ช่วงนั้นมีการร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูล ประกอบกับมีการเปลี่ยนตัวนายก อบจ.สงขลา เป็นนายนิพนธ์ ปรากฏว่าบริษัทที่ประมูลถูกตรวจพบว่ามีการฮั้วประมูล ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งให้ระงับจ่ายเงิน และ อบจ.สงขลา ร้อง ป.ป.ช. ว่ามีการฮั้วประมูลด้วย
ขณะที่บริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าฮั้วประมูล อัยการก็สั่งฟ้องคดีอาญาต่อศาลทุจริตฯ ภาค 9 และตัวแทนบริษัทคู่เทียบ ต่างหลบหนีหมายจับของศาลฯ ไปต่างประเทศหลายรายแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้แจ้งความกล่าวโทษบริษัทเหล่านั้น ในข้อหาฮั้วประมูลด้วย เบื้องต้น ป.ป.ช. เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้มีพฤติกรรมฮั้วประมูลจริง ส่วนบริษัทที่ประมูลได้ก็ยื่นฟ้องนายก อบจ.สงขลา ต่อ ป.ป.ช. ว่าไม่จ่ายเงินค่ารถ พร้อมกับไปฟ้องศาลปกครองกลาง แต่ศาลระบุไม่มีหลักฐานว่าฮั้ว จึงสั่งให้ อบจ.สงขลา จ่ายเงิน ต่อมา อบจ.สงขลา ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุด พร้อมหลักฐานเพิ่มเติม เรื่องบริษัทคู่เทียบมีการฮั้วประมูล โดยคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
“ถ้านายก อบจ.สงขลา สั่งจ่ายเงินค่ารถฯ สัญญาที่เป็นโมฆะ ก็ถือว่ามีความผิด เพราะเป็นโมฆียกรรม ถือว่าคู่กรณีกลับคืนในฐานะเดิม คือคืนรถกลับไปให้บริษัท แต่นายก อบจ.สงขลา ไม่จ่ายเงิน พวกฮั้วประมูลบอกเป็นการกลั่นแกล้ง ซึ่งอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายก อบจ.สงขลา แต่ ป.ป.ช. กลับฟ้องคดีนี้เอง ดังนั้น เราพร้อมสู้กับ ป.ป.ช. และไม่ได้เกรงใจอะไร ยังชื่นชม ป.ป.ช. ชุดนาฬิกายืมเพื่อนด้วย นี่ตนไม่แขวะใคร เพราะข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้จริงๆ” นายวสันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า เปิดหน้าสู้กับ ป.ป.ช. แบบนี้มีปัญหากับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหากับ ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.ชุดก่อนหน้านี้ก็รู้จักมักคุ้นกันหลายคน ส่วนชุดใหม่ไม่เคยคุ้นเคย แม้จะรู้จักเป็นส่วนตัวกับบางคนก็ตาม และไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใคร
เมื่อถามย้ำว่า กรณีนี้ถือเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพื่อให้นายนิพนธ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวสันต์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ เมื่อถามอีกว่ามั่นใจว่าจะชนะคดีนี้แน่หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจคงไม่รับคดี เอาเรื่องจริงไปสู้กันในศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ยืนยันว่าเราในฐานะจำเลยก็เตรียมความพร้อมในทางคดี ยืนยันว่าตนและนายนิพนธ์จะไปตามที่ ป.ป.ช. นัดในวันที่ 5 กันยายนนี้แน่นอน
ส่วนที่มีสื่อระบุว่าเป็นถึงอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญลดตัวมาว่าความนั้น นายวสันต์ กล่าวว่า ขออย่าดูถูกอาชีพอิสระอย่างทนายความ ไม่คิดสู้คดีให้ใครในศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเราเคยเป็นประมุขมาก่อน แต่ตนไม่ใช่ประธานศาลฎีกา คงไม่น่าเกลียดอะไรที่รับว่าคดีนี้ และไม่ใช่คดีแรกที่ช่วยว่าความให้ ในอดีตมีอดีตประธานศาลฎีกาหลายท่านก็ตั้งสำนักงานทนายความ หรือแม้แต่อดีตนายกฯ คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งตนเคยฝึกงานที่นี่ด้วย พร้อมชี้แจงว่า ตนลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 แต่ยังเป็นข้าราชการบำนาญศาลยุติธรรม ซึ่งเมื่อปี 2558 ได้ขอใบอนุญาตทนายความ เพื่อช่วยเหลือพรรคพวกเมื่อมีคดีความ เพราะเห็นว่ายังมีหลายคนที่มีคดีเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ทำไมตนจึงมารับคดีของนายนิพนธ์ สู้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพราะในสังคมมีคนถูกกลั่นแกล้ง รังแกพอสมควร หากช่วยพวกพรรคได้ก็ควรช่วย ซึ่งคนที่รับคดีต้องพิจารณาว่าจะมีทางต่อสู้หรือไม่ ถูกแกล้งรังแกหรือไม่ หากนายนิพนธ์เป็นฝ่ายผิด ตนคงไม่รับทำคดีให้ เพราะเสียฟอร์มเปล่าๆ ตนเป็นทนายเงียบๆ ไม่ได้หิวแสงเหมือนกับใคร ทั้งนี้ คดีแรกที่ตนว่าความช่วยคือ นายสมหมาย ภาษี ซึ่งเป็นพรรคพวกสมัยเรียน คดีที่สองว่าความให้นายสำเริง คำพะอุ อดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ที่ถูกฟ้องที่ จ.ปัตตานี” นายวสันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย