เร่งเก็บหลักฐานรถตู้โรงเรียนลืมเด็ก 7 ขวบดับ

ชลบุรี 31 ส.ค. – เหตุการณ์สะเทือนใจ ลืมเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ในรถตู้โรงเรียน พื้นที่ จ.ชลบุรี จนเด็กเสียชีวิต ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า สถานศึกษาปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการฆ่าอำพราง วันนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและตำรวจเร่งสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน และเก็บหลักฐานในรถตู้เพิ่มเติม ด้านพ่อแม่เศร้ายังไม่รับศพลูก


เหตุลืม “น้องจีฮุน” เด็กหญิงวัย 7 ขวบ ในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี วันนี้ (31 ส.ค.) ตำรวจ สภ.พานทอง เรียกตัวนายบุญลือ อายุ 63 ปี ครูที่ขับรถตู้หมายเลข 3 ของโรงเรียนเป็นประจำ รวมถึง น.ส.อารยา ครูเวรประจำรถตู้หมายเลข 3 และเด็กนักเรียนที่อยู่บนรถตู้ในวันเกิดเหตุ มาสอบสวนเบื้องต้น

สอบถามเด็กชายที่อยู่บนรถในวันเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อวานตนเองนั่งอยู่ด้านหน้ารถ ข้างคนขับ และไม่รู้ว่าน้องจีฮุนนั่งตรงไหน เพราะไม่ได้มอง ปกติเมื่อรถมาถึงโรงเรียน เวลารถจอด เด็กลงจากรถ ก็ไม่มีใครตรวจหรือเช็กอะไร พอลงจากรถแล้วก็เดินไปอาคารเลย ไม่ได้ดู เพราะต่างคนต่างเดิน ปกติน้องจะชอบนอนหลับบนรถอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงโรงเรียนจะตื่นทุกครั้ง สงสัยครั้งนี้หลับไม่รู้ตัว เลยลงจากรถไม่ทัน


ขณะที่ครูเวรประจำรถตู้รับส่งหมายเลข 3 เล่าว่า ไปรับน้องจีฮุน เวลา 06.00 น. ปกติจะรับเด็ก 10 คน แต่เมื่อวานรับมา 7 คน รวมน้องจีฮุน ถึงโรงเรียน 07.20 น. ยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนเองที่เช็กไม่ดี และไม่ได้นับเด็ก แค่ชะโงกหน้าไปดู เมื่อเห็นว่าไม่มีเด็กในรถก็ไม่ได้เช็กอีกรอบ ให้เด็กประถมปลายลงก่อน แล้วคอยเช็กเด็กอนุบาลลงทีละคน ตำแหน่งที่น้องนั่งคือเบาะเดี่ยวตรงทางเดิน ซึ่งได้ให้น้องขยับเข้าไปนั่งข้างใน เพราะจะมีเด็กขึ้นมาอีก หลังเกิดเหตุรู้สึกใจหาย ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากฝากขอโทษพ่อแม่ และจะไปขอโทษพ่อแม่ด้วยตัวเอง ตนก็เสียใจมากเหมือนกัน

ส่วนนายบุญลือ ครูที่ขับรถตู้ เล่าว่า ตอนเช้าขับรถมาส่งเด็ก และเมื่อเด็กลงจากรถแล้ว จึงนำรถไปจอดในที่จอด มารู้อีกทีตอน 4 โมงเย็น ครูพี่เลี้ยงจะพาเด็กอนุบาลมาขึ้นรถ พอเปิดรถก็เห็นน้องนอนคว่ำหน้าอยู่ เมื่อเรียกน้องก็ไม่มีการตอบสนอง จึงเรียกลุงที่ขับรถบัสมาดู พบว่าเสียชีวิตแล้ว ยืนยันว่า ครูเวรบอกกับตนว่า เด็กลงจากรถหมดแล้ว ก่อนจะเลื่อนรถไปจอด พอถึงลานจอด ตนก็เช็กและก้มมองดู เพื่อตรวจความเรียบร้อย เผื่อมีใครลืมกระเป๋า แต่ตนก็ไม่เห็นใคร และไม่มีสิ่งของอะไร จึงไปสอนตามปกติ

ขณะที่วันนี้ (31 ส.ค.) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจเก็บพยานหลักฐานจากรถตู้ เพื่อนำไปประกอบสำนวนทางคดี โดย พ.ต.อ.หญิง นันท์นภัส อิ่มพร ผกก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 2 กล่าวว่า มีการตรวจหาหลักฐานทั้งภายในและภายนอกรถ แต่พนักงานสอบสวนต้องการคราบเลือด เพื่อตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง สำหรับการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการทุบกระจก ส่วนเด็กจะเปิดประตูได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้อยู่ที่การเลี้ยงดูเด็ก การสอนปิด-เปิดประตู โดยการตรวจสอบครั้งนี้ พยายามหาหลักฐานที่พนักงานสอบสวนต้องการให้มากที่สุด นอกจากนี้ ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.พานทอง กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณโรงเรียนเพิ่มเติม ส่วนการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง สอบไปแล้ว 7 ปาก หลังจากนี้จะเชิญพ่อแม่ของน้องจีฮุนมาสอบปากคำ เพื่อเตรียมแจ้งข้อหากับคนขับรถและครูประจำรถ ในความผิดฐานกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย


พ่อแม่เศร้ายังไม่รับศพ “น้องจีฮุน”

ส่วนที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พ่อแม่ของ “น้องจีฮุน” เข้ายื่นเอกสารเพื่อขอฝากร่างของน้องจีฮุนไว้ก่อน 3-5 วัน เพราะครอบครัวยังไม่สะดวกที่จะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา แต่ระเบียบของสถาบันนิติเวชวิทยา ระบุว่า หลังผ่าชันสูตรแล้ว จะเก็บร่างไว้ได้เพียง 4 วันเท่านั้น ถึงวันที่ 3 กันยายนนี้ ซึ่งทางครอบครัวพร้อมปฏิบัติตามระเบียบ แต่ยังไม่กำหนดวันที่จะมารับร่างน้องจีฮุน และทางครอบครัวยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยแม่ของน้องจีฮุน กอดถือกระเป๋านักเรียนของลูกไว้ตลอดเวลา ส่วนผลชันสูตรศพ แม่ของน้องจีฮุน ระบุเพียงว่า แพทย์แจ้งว่าผลการตรวจสอบยังไม่แน่ชัด ขอให้มีการตรวจอย่างละเอียดก่อน

รมว.ศธ.สั่งสอบเหตุลืมเด็ก 7 ขวบในรถตู้

ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้นายพีรศักดิ์ รัตนะ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ลงพื้นที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง พร้อมสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องของโรงเรียน หรือครูที่ดูแลเด็ก หรือคนขับรถโรงเรียน และให้ตรวจสอบด้วยว่า การใช้รถโรงเรียนรับ-ส่งนักเรียน ทางโรงเรียนปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 หรือไม่. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่