เม็กซิโกซิตี 21 ม.ค.- ประธานาธิบดีเอ็นรีเก เปนญา เนียโตของเม็กซิโกเผยว่า จะกระชับความสัมพันธ์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ แม้ว่าคำขู่ของทรัมป์ทำให้เศรษฐกิจเม็กซิโกเสี่ยงเกิดวิกฤตและค่าเงินเปโซร่วงหนัก
ประธานาธิบดีเปนญา เนียโต ผู้เคยเปรียบเทียบทรัมป์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐว่าเหมือนอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีและเบนิโต มุสโสลินี ผู้นำเผด็จการอิตาลี ทวีตว่า จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนในการเจรจากับสหรัฐที่มีการเคารพกัน จะเสริมสร้างความสัมพันธ์บนความรับผิดชอบร่วมกัน ขณะที่รัฐบาลเม็กซิโกเผยว่า ประธานาธิบดีจะแถลงนโยบายต่างประเทศในเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่คณะผู้แทนเม็กซิโกจะเดินทางไปหารือกับคณะที่ปรึกษาของทรัมป์ในอีกไม่กี่วัน
ด้านนายลูอิส วิเดกาไรย์ รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโกที่จะนำคณะไปสหรัฐเผยว่า จะพบกับที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาวและนายจอห์น เคลลี นายพลวัยเกษียณที่พิ่งได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงมาตุภูมิ เขายืนยันว่า จะเจรจากับสหรัฐอย่างไม่กลัวและจะหาทางสร้างหลักประกันว่าเงินที่ชาวเม็กซิโกในสหรัฐส่งกลับบ้านเกิดจะได้รับความคุ้มครอง ไม่ถูกยึดอย่างแน่นอน
ทรัมป์ประกาศจะสร้างกำแพงยาวตลอดพรมแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโกเพื่อสกัดไม่ให้ชาวเม็กซิโกลอบเข้าประเทศ จะฉีกข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ที่ทำไว้กับเม็กซิโกและแคนาดาหากไม่สามารถเจรจาแก้ให้เป็นประโยชน์กับสหรัฐ และจะเก็บภาษีลงโทษบริษัทที่ไปผลิตในเม็กซิโก บริษัทสำรวจในเม็กซิโกสอบถามชาวเม็กซิโก 600 คนพบว่า กว่า 3 ใน 4 ไม่ชอบทรัมป์มากหรือมากที่สุด 4 ใน 5 คาดว่าเศรษฐกิจเม็กซิโกจะวิกฤตและมีการลงทุนลดลงในสมัยรัฐบาลทรัมป์ ขณะที่ประธานาธิบดีเปนญา เนียโตก็มีคะแนนนิยมตกต่ำที่สุดเพราะไม่สามารถทำในสิ่งที่รับปากไว้มากมาย เช่น ลดราคาค่าน้ำและค่าไฟ.-สำนักข่าวไทย