ซิดนีย์ 22 ก.ค. – สายการบินแควนตัสของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ได้ปลดระวางเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 747 ลำสุดท้ายที่ท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ ก่อนที่เครื่องบินลำดังกล่าวจะออกเดินทางสู่ทะเลทรายโมฮาวีที่ใช้เป็นสุสานเครื่องบิน
แควนตัสใช้เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 747 มาเป็นเวลา 49 ปี โดยก่อนหน้าที่ได้วางแผนจะใช้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ โบอิ้ง 747 เป็นเครื่องบินที่สิ้นเปลืองต้นทุนและถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินรุ่นที่ทันสมัยกว่าอย่างโบอิ้ง 787 และแอร์บัส 350 มาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างไรก็ดี สายการบินแควนตัสของออสเตรเลีย บริติชแอร์เวย์ของสหราชอาณาจักร และเคแอลเอ็มของเนเธอร์แลนด์ เพิ่งจะมาเร่งแผนปลดระวางเครื่องบินก่อนกำหนด เพราะความต้องการเดินทางระหว่างประเทศที่ลดลงในช่วงนี้ ทั้งนี้ แควนตัสได้ประกาศหยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศเกือบทั้งหมดไปจนถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้าตามมาตรการควบคุมการเดินทางของรัฐบาลออสเตรเลีย
นายอลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของสายการบินแควนตัส กล่าวในพิธีอำลา ซึ่งจัดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ว่า แควนตัสได้ขายเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่กำลังจะออกเดินทางในวันนี้ และก่อนหน้านี้อีก 5 ลำให้แก่บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก โดยที่เครื่องบินลำสุดท้ายนี้จะปฏิบัติการขนส่งสินค้าไปยังนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังทะเลทรายโมฮาวี
บริษัทซิเรียม ผู้ให้บริการข้อมูลการบิน รายงานว่า แควนตัสเคยเป็นสายการบินแห่งเดียวในโลกที่ปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 ทั้งหมด โดยมีเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 747 จำนวน 30 ลำที่ปฏิบัติการบินในเส้นทางทั่วโลก และมีอีก 132 ลำในโรงเก็บเครื่องบิน โดยมีสัดส่วนเครื่องบินขนส่งสินค้าร้อยละ 93 ของจำนวนเครื่องบินรุ่นดังกล่าวทั้งหมด นอกจากนี้ แควนตัสยังได้ตัดสินใจส่งเครื่องบินแอร์บัสซูเปอร์จัมโบ A380 จำนวน 12 ลำไปยังทะเลทรายโมฮาวี และคาดว่าจะไม่กลับมาปฏิบัติการบินอย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า. – สำนักข่าวไทย