ฮานอย 8 มิ.ย.- เวียดนามให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ (FTA)กับสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) แล้ว ซึ่งจะลดหรือขจัดภาษีเกือบทั้งหมดให้แก่การค้าสินค้าทั้งสองฝ่าย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเวียดนามที่ต้องการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเวียดนามลงมติเห็นชอบเอฟทีเออียูเวียดนามหรืออีวีเอฟทีเอ (EVFTA) ในวันนี้ด้วยคะแนนกว่าร้อยละ 94 คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม เป็นเอฟทีเอฉบับที่สองของอียูกับประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน หลังจากเอฟทีเอฉบับแรกกับสิงคโปร์มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน และเป็นเอฟทีเอกับประเทศกำลังพัฒนาเพียงไม่กี่ประเทศ อียูและเวียดนามเปิดการเจรจาเอฟทีเอในเดือนมิถุนายน 2555 จนกระทั่งบรรลุการเจรจาในเดือนธันวาคม 2558 และเพิ่งลงนามในเดือนมิถุนายนปีก่อน รัฐสภายุโรปให้สัตยาบันในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนสภานิติบัญญัติเวียดนามให้สัตยาบันวันนี้
เวียดนามมีเวลา 10 ปีในการเปลี่ยนผ่านเรื่องการนำเข้าสินค้าบางอย่างจากอียู เช่น รถยนต์ ขณะเดียวกันจะต้องเปิดตลาดภาคบริการประกอบด้วยการไปรษณีย์ การธนาคาร การขนส่งทางเรือ และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้แก่อียู ปรับมาตรฐานบางอย่าง ปกป้องอาหารและเครื่องดื่มของอียู เช่น แชมเปญฝรั่งเศส ชีสกรีก ไม่ให้ถูกจำกัดในเวียดนาม และมีเรื่องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน ตามที่มีเสียงติงในยุโรปในเรื่องนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์เมื่อเดือนก่อนว่า อีวีเอฟทีเอจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) และการส่งออกของเวียดนามขยายตัวร้อยละ 2.4 และ 12 ตามลำดับภายในปี 2573 และช่วยให้ชาวเวียดนามจำนวนมากหลุดพ้นจากความยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก.- สำนักข่าวไทย