เบอร์ลิน 7 ต.ค.- คำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือนสิงหาคมลดลงกว่าที่คาด เพราะความต้องการในประเทศซบเซา เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนตัวกำลังจะทำให้เยอรมนีที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย
กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยตัวเลขวันนี้ว่า คำสั่งซื้อสินค้าผลิตในเยอรมนีเมื่อเดือนสิงหาคมลดลงร้อยละ 0.6 จากเดือนกรกฎาคม มากกว่าที่รอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยละ 0.3 เฉพาะคำสั่งซื้อสินค้าทุนลดลงถึงร้อยละ 1.6 และยอมรับว่าความต้องการสินค้าภาคอุตสาหกรรมจะอ่อนตัวไปอีกระยะหนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของวีพีแบงก์กรุ๊ป ธนาคารที่มีสำนักงานใหญ่ในลิกเตนสไตน์ชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ตัวเลขวันนี้ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนอีกครั้ง รัฐบาลเยอรมนีอาจถูกกดดันหนักขึ้นให้ล้มเลิกนโยบายงบประมาณเข้มงวด และเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวร้อยละ 0.1 ในไตรมาสสองของปีนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่วันนี้ชี้ว่าภาคการผลิตจะยังคงอ่อนแอลงต่อไปในไตรมาสสาม เศรษฐกิจที่หดตัวสองไตรมาสติดต่อกันจะถือว่าเข้าสู่ภาวะถดถอยตามคำนิยามของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ นายโอลาฟ โชลซ์ รัฐมนตรีคลังเยอรมนียืนยันเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เยอรมนีจะยังสามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนตัวไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวรุนแรงเหมือนช่วงเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551-2552
รอยเตอร์ชี้ว่า ภาคการผลิตของเยอรมนีที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางธุรกิจอันเกิดจากข้อพิพาทการค้าจีน-สหรัฐและการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรือเบร็กซิท สถาบันเศรษฐกิจชั้นนำหลายแห่งเรียกร้องให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลยกเลิกนโยบายไม่ก่อหนี้ใหม่ แต่รัฐบาลยังคงไม่ทำตาม หลังจากที่สามารถเพิ่มการใช้จ่ายโดยไม่ก่อหนี้ใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 เพราะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่มีวงจรการขยายตัวยาวนาน อัตราการจ้างงานสูงเป็นประวัติการณ์ จัดเก็บภาษีรายได้ได้มาก และธนาคารกลางยุโรปมีโครงการซื้อพันธบัตร แต่ภาวะปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐจัดเก็บภาษีได้น้อย ทำให้เหลือเครื่องมือทางการเงินไม่มากนัก.-สำนักข่าวไทย