วิเคราะห์อาวุธที่จีนอาจใช้ทำสงครามการค้ากับสหรัฐ

ปักกิ่ง 14 พ.ค.- สำนักข่าวเอเอฟพีวิเคราะห์เครื่องมือทางการค้าที่จีนอาจนำมาใช้ทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,887 ล้านบาท) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ตอบโต้ที่ถูกสหรัฐขึ้นภาษีไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม


เอเอฟพีระบุว่า จีนนำเข้าสินค้าสหรัฐน้อยกว่าที่ส่งออกไปสหรัฐเกือบ 4 เท่า ขณะนี้จีนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐแล้ว 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.46 ล้านล้านบาท) จากที่นำเข้าปีละ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.77 ล้านล้านบาท) ดังนั้นหากจีนขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐเป็นร้อยละ 25 ครอบคลุมสินค้าประเภทก๊าซธรรมชาติเหลว สารเคมี ผัก ผลไม้ อาหารทะเล จีนก็อาจไม่เหลือเครื่องมือในการตอบโต้สหรัฐอีก 

เอเอฟพีวิเคราะห์เครื่องมือที่จีนอาจจะใช้ว่ามีอยู่ทั้งหมด 6 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ แข่งกันขึ้นภาษีกับสหรัฐ นายโรเบิร์ต ลอเรนซ์ อาจารย์ด้านการค้าและการลงทุน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชี้ว่า ภาษีเป็นอาวุธที่ทำให้ผู้ใช้เจ็บตัวด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้ผู้ผลิตในประเทศมีต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น  แต่ในยามที่ทำสงครามการค้า ผลกระทบทางเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งสำคัญคือการวางท่า การต่อรอง และการเมือง 


เครื่องมืออย่างที่สองคือ การลดค่าเงินหยวน นายราจีฟ บิสวาส นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอชเอสมาร์กิตไม่คิดว่าจีนจะบรรเทาผลจากการถูกขึ้นภาษีสินค้าจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ด้วยการลดค่าเงินหยวนลงไปอีก เพราะนโยบายหลักของรัฐบาลจีนตั้งแต่ปี 2558 คือ รักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนและป้องกันกระแสเงินทุนไหลออกจำนวนมาก เพื่อไม่ให้กระทบต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ หากลดค่าเงินหยวนเงินทุนจะทะลักออกนอกประเทศอย่างแน่นอน

เครื่องมืออย่างที่สามคือ การลงโทษธุรกิจสหรัฐในจีนด้วยระเบียบหรือมาตรการด้านศุลกากร นายเจค ปาร์เกอร์ สภาธุรกิจจีน-สหรัฐมองว่า มาตรการนี้คงได้รับเสียงสนับสนุนมากมายจากคนในประเทศ แต่จะบั่นทอนความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในจีน เช่นเดียวกับนายจาคอบ ฟังก์ คีร์คีการ์ด นักวิจัยสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์นานาชาติที่มองว่า หากจีนใช้เครื่องมือนี้จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดเพราะสหรัฐอาจใช้วิธีเดียวกับที่เคยห้ามบริษัทอเมริกันขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่แซดทีอีของจีนเมื่อปีก่อนโดยอ้างว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเกาหลีเหนือ

เครื่องมืออย่างที่สี่คือ การชักชวนคนคว่ำบาตรสินค้าสำคัญของสหรัฐ จีนเคยใช้วิธีนี้กับญี่ปุ่นในปี 2555 และกับเกาหลีใต้ในปี 2560 ทำให้ยอดขายสินค้าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในจีนร่วงไปถึงครึ่งหนึ่งภายในเวลาเดือนเดียว แต่วิธีนี้อาจทำให้ชาวจีนหลายล้านคนที่ทำงานกับบริษัทอเมริกันและหุ้นส่วนในจีนต้องตกงาน 


เครื่องมืออย่างที่ห้าคือ การไม่ซื้อเครื่องบินโบอิงของสหรัฐ ปัจจุบันจีนซื้อเครื่องบินโบอิงถึงหนึ่งในสี่ บรรณาธิการของโกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลจีนมองว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนจะลดคำสั่งซื้อโบอิง เพราะเมื่อปลายเดือนมีนาคมจีนเพิ่งสรุปคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสของยุโรป 300 ลำ ระหว่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเยือนฝรั่งเศส 

เครื่องมือสุดท้ายคือ เทขายพันธบัตรสหรัฐ ปัจจุบันจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เพราะถือพันธบัตรกระทรวงคลังสหรัฐอยู่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 37.78 ล้านล้านบาท) แต่หากจีนเทขายออกมาจำนวนมากก็จะทำให้ตลาดโลกไร้เสถียรภาพ ส่งผลให้พันธบัตรกระทรวงคลังสหรัฐที่จีนถืออยู่มีมูลค่าลดลง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”