ซิดนีย์ 27 มี.ค. – ออสเตรเลียร่วมแสดงจุดยืนเดียวกับสหรัฐ และพันธมิตรประเทศอื่น ๆ ของอังกฤษด้วยการขับนักการทูตรัสเซีย 2 คน ออกนอกประเทศเพื่อตอบโต้กรณีการวางสารพิษทำร้ายอดีตสายลับสองหน้าชาวรัสเซียในอังกฤษ
นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูล ของออสเตรเลีย กล่าววันนี้ว่า นักการทูตรัสเซียทั้งสองคนเป็นสายลับรัสเซียที่ทำงานในสถานทูตเพื่อบังหน้าและต้องออกจากออสเตรเลียภายใน 7 วัน เขากล่าวด้วยว่า การตัดสินใจขับนักการทูตรัสเซียในครั้งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงที่น่าตกใจจากการวางยาอดีตสายลับชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นการใช้อาวุธเคมีเป็นครั้งแรกในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เป็นการใช้สารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงมากในเขตที่มีประชากรอยู่หนาแน่นและสามารถทำอันตรายกับประชาชนเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนในชุมชน
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวด้วยว่า รัฐบาลตัดสินใจเรื่องนี้หลังจากได้รับข้อมูลจากอังกฤษว่า สารพิษที่ใช้ในการทำร้ายนายเซอร์เก สกรีปาล อดีตสายลับรัสเซีย วัย 66 ปี พร้อมกับลูกสาว ยูเลีย วัย 33 ปี ที่เมืองซอลส์บรี ของอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม เป็นสารทำลายประสาทระดับที่ใช้ในกองทัพและพัฒนาขึ้นโดยรัสเซีย
ออสเตรเลียแสดงจุดยืนดังกล่าวหลังจากที่เมื่อวานนี้ สหรัฐสั่งขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศ 60 คน ซึ่งรวมถึงนักการทูตรัสเซียประจำองค์กรสหประชาชาติด้วย ในขณะที่ แคนาดา ยูเครน แอลเบเนีย และประเทศในสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ ก็ดำเนินการขับนักการทูตหลังจากที่อังกฤษเรียกร้องให้พันธมิตรตอบโต้การวางยาพิษ ในขณะที่รัสเซียปฎิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังความพยายามในการลอบสังหารครั้งนี้
ทางด้านไอซ์แลนด์ก็ประกาศว่า จะใช้วิธีการคว่ำบาตรทางการทูตด้วยการเลื่อนการเจรจาทวิภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับเจ้าหน้าที่รัสเซียเป็นการชั่วคราวและบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย