วอชิงตัน 31 พ.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวในวันศุกร์ว่า เขามีแผนจะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม เป็นร้อยละ 50 จากเดิมร้อยละ 25 ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อผู้ผลิตเหล็กกล้าทั่วโลก และทำให้สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น
นายทรัมป์กล่าวในระหว่างการชุมนุมที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กกล้า จากร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50 ซึ่งจะช่วยให้เกิดความมั่นคงในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐมากขึ้น ในเวลาต่อมานายทรัมป์ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ว่าภาษีที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมด้วย และจะมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่จะถึงนี้
การเพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม เป็น 2 เท่า เป็นการเพิ่มความตึงเครียดในสงครามการค้าทั่วโลกของนายทรัมป์ และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เขากล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงกับสหรัฐ ในการยกเลิกภาษีและข้อจำกัดทางการค้าสำหรับแร่ธาตุสำคัญ
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น นายทรัมป์ กล่าวว่า เขายังไม่เห็นข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ระหว่าง “นิปปอน สตีล” (Nippon Steel) ของญี่ปุ่นและ “ยูเอส สตีล” (U.S. Steel) และเสริมว่าข้อตกลงใดๆ ที่จะเกิดขึ้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากเขาก่อน นายทรัมป์ส่งเสริมการเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล มูลค่า 14,900 ล้านดอลลาร์ โดยนิปปอน สตีล โดยเขามองว่าทั้งข้อตกลงและการขึ้นภาษีเป็นความพยายามที่จะรักษาการจ้างงานด้านอุตสาหกรรมเหล็กของอเมริกา และเสริมสร้างการผลิตภายในประเทศ นายทรัมป์ได้ให้คำมั่นกับคนงานว่า ยูเอส สตีล จะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐ จะไม่มีการเลิกจ้าง และนิปปอน สตีล จะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโรงงานเหล็กในสหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต.-813.-สำนักข่าวไทย