เหยื่อกราดยิงลาสเวกัส ตายอย่างน้อย 58 คน เจ็บกว่า 500 คน มือปืนปลิดชีพตัวเอง

สหรัฐ 3 ต.ค. – มือปืนกราดยิงจากชั้น 32 ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใส่จุดจัดคอนเสิร์ตในนครลาสเวกัสของสหรัฐ มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 58 คน บาดเจ็บอีกกว่า 500 ราย ก่อนจะใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเอง


เหตุมือปืนกราดยิงผู้คนที่กำลังชมการแสดงคอนเสิร์ตในวันสุดท้ายของเทศกาลดนตรี รูท 91 ฮาร์เวสต์เฟสติวัล ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดาของสหรัฐ เสียงปืนดังขึ้นในช่วงที่ เจสัน อัลดีน ศิลปินดนตรีคันทรีชื่อดัง กำลังแสดงอยู่บนเวทีเมื่อเวลา 22.45 น. ของคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เสียงกราดยิงซึ่งเชื่อว่ามาจากปืนยาวอัตโนมัติหลายร้อยนัด กินเวลานานหลายนาที ทำให้ผู้คนที่กำลังยืนชมคอนเสิร์ตกว่า 22,000 คน แตกตื่นตกใจ ต่างหมอบลงกับพื้นและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด สำหรับศิลปินและนักดนตรีบนเวทีปลอดภัย 

หัวหน้าสำนักงานตำรวจเมืองลาสเวกัสเผยว่า เหตุกราดยิงในครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 58 คน รวมถึงตำรวจ 2 นายที่ออกเวรไปแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 515 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัสหลายสิบคน คาดยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก ถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งร้ายแรงและนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ แซงหน้าเหตุสังหารหมู่ 49 คน ในเหตุกราดยิงที่ไนต์คลับของบรรดาชาวรักร่วมเพศในเมืองออร์ลันโด รัฐฟลอริดา เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว 


ส่วนผู้ต้องสงสัยพบเสียชีวิตภายในห้องพักชั้น 32 ของโรงแรมมันดาเลย์ เบย์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกับพื้นที่จัดเทศกาลดนตรี ทราบชื่อนายสตีเฟน แพดดอค วัย 64 ปี ตอนแรกตำรวจเชื่อว่าเขาถูกวิสามัญฆาตกรรม แต่ภายหลังตำรวจบอกว่ามือปืนน่าจะยิงตัวตายก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปในห้อง นอกจากนี้ตำรวจยังพบอาวุธปืนอื่นๆ อีก 10 กระบอก 

สำหรับนายแพดดอค เป็นคนท้องถิ่นที่ลาสเวกัส อาศัยอยู่ในพื้นที่จัดสรรสนามกอล์ฟแห่งใหม่ในทะเลทรายนอกเมืองเมสไคว์เอท ไม่ไกลจากลาสเวกัส ตำรวจเชื่อว่าเขาลงมือก่อเหตุเพียงลำพังในลักษณะของ Lone Wolf และไม่น่าเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายต่างชาติ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาแรงจูงใจ แม้ว่ากลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) จะอ้างว่าอยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุ และนายแพดดอคเป็น “นักรบ” ของทางกลุ่มที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามได้หลายเดือนแล้วก็ตาม

ส่วนนางมาริลู แดนเลย์ หญิงเชื้อสายฟิลิปปินส์-อเมริกัน ที่คาดว่าเป็นคู่หูของมือปืน และอาจมีส่วนร่วมก่อเหตุกราดยิงในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่า แดนลีย์ไม่ได้อยู่ในสหรัฐ และไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุที่เกิดขึ้น 


ขณะที่นายอีริค แพดดอค น้องชายของนายสตีเฟน แพดดอค มือปืนที่ก่อเหตุ บอกว่า ตกใจมากและพูดไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายเพิ่งสังหารคนตายไป 58 คน พี่ชายของเขาก็เป็นคนปกติเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป ทำงาน มีบ้านและรถ และไม่เคยมีปัญหารุนแรงกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และว่าเขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวกรุงวอชิงตันว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นที่ลาสเวกัสจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 58 ศพ และบาดเจ็บ 515 คนนั้น เป็นการกระทำของปีศาจร้ายอย่างแท้จริง ทั้งประเทศอยู่ในอารมณ์แห่งความโศกเศร้า ตกใจและเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวขอบคุณการทำหน้าที่ของหน่วยฉุกเฉินที่ทำงานได้อย่างทันท่วงที หาไม่แล้วจะต้องเกิดการสูญเสียมากกว่านี้ ทรัมป์มีกำหนดที่จะเดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ลาสเวกัสในวันพุธนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ทวีตไว้อาลัยและความเห็นอกเห็นใจอย่างที่สุดต่อบรรดาเหยื่อและครอบครัวของการกราดยิงอันเลวร้ายที่ลาสเวกัส และขอพระเจ้าอวยพรทุกคน 

สำหรับรัฐเนวาดา สถานที่ตั้งของนครลาสเวกัส เป็นรัฐที่มีกฎหมายอาวุธปืนที่เข้มงวดน้อยที่สุดในสหรัฐ ประชาชนได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธได้โดยไม่ต้องไปจดทะเบียนการถือครอง แม้ผู้ซื้อปืนต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ แต่ผู้ขายก็สามารถขายอาวุธได้อย่างลับๆ .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]