อิรัก 10 ก.ค. – ในที่สุดปฏิบัติการชิงคืนเมืองโมซุลของทหารอิรักจากการยึดครองของขบวนการรัฐอิสลาม (ไอเอส) เสร็จสิ้นลงหลังจากใช้เวลานานถึง 9 เดือน
นายกรัฐมนตรีไฮแดร์ อัล-อาบาดี ของอิรัก เดินทางไปยังเมืองโมซุล เพื่อร่วมฉลองชัยชนะกับทหารเมื่อวานนี้ ที่สามารถรุกไล่จนใกล้จะยึดครองเมืองโมซุลกลับมาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หลังจากตกอยู่ในการยึดครองของกลุ่มไอเอสอย่างสิ้นเชิงมานานถึง 3 ปี นับเป็นความปราชัยครั้งสำคัญของไอเอสที่นอกจากจะเสียเมืองโมซุลแล้ว ยังเสียเมืองรักกา ในซีเรียอันเป็นฐานบัญชาการใหญ่ในการส่งออกการก่อการร้ายไปทั่วโลกด้วย เชื่อกันว่ากลุ่มนักรบไอเอสที่หนีรอดไปได้อาจหันมาใช้ยุทธวิธีรุนแรงตอบโต้อิรัก ขณะที่นักรบไอเอสที่เหลืออยู่ในเมืองโมซุลประกาศจะต่อสู้จนตัวตายเช่นกัน
นายซาอัด อัล ฮาดีที โฆษกของนายกรัฐมนตรีอาบาดี กล่าวว่า ที่นายอาบาดียังไม่ประกาศชัยชนะชิงคืนเมืองโมซุลอย่างเป็นทางการ เพราะการกำจัดพวกไอเอส ซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิดยังไม่เสร็จสิ้น ยังมีการสู้รบเล็กๆ น้อยๆ อยู่ แต่เชื่อว่าน่าจะยึดเมืองได้ทั้งหมดในเร็วๆ นี้
ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับนายอาบาดีที่ชิงเมืองโมซุลคืนได้สำเร็จ ขณะที่นายมิเชล ฟัลลอน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ และนายไมเคิล แอนตัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงประจำทำเนียบขาวของสหรัฐ กล่าวว่า การสู้รบในเมืองโมซุลไม่เสร็จสิ้น และกำลังติดตามสถานการณ์อยู่
ทั้งนี้ กองทัพอิรัก และนักรบพันธมิตรทั้งจากกองกำลังชาวเคิร์ด ชนเผ่าอาหรับสุหนี่ และนักรบชีอะห์ รวมหลายพันคน ซึ่งได้รับการสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ
จากสหรัฐ พยายามบุกยึดเมืองโมซุลมาตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมปีที่แล้ว สงครามชิงเมืองโมซุลก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย ประชาชนล้มตายหลายพันคนและไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 1 ล้านคน องค์การสหประชาชาติเผยว่า ต้องใช้เงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) ในการบูรณะความเสียหายของเมืองโมซุลให้กลับสู่สภาพเดิมเพราะในบางพื้นที่นั้นอาคารถูกทำลายจนไม่มีเหลือ. – สำนักข่าวไทย