ดามัสกัส 9 ธ.ค.- อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โจลานี ผู้บัญชาการกลุ่มกบฏในซีเรียเป็นคนเก็บตัวที่ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะตลอดสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานกว่า 13 ปี จนกระทั่งกลุ่มกบฏเริ่มปฏิบัติการสายฟ้าแลบเพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรียเมื่อปลายเดือนก่อนจึงเริ่มเปิดตัวต่อสาธารณชน
นายอัล-โจลานี มีชื่อจริงว่า อาเหม็ด อัล-ชารา เกิดในปี 2525 เป็นผู้นำกลุ่มฮายอัต ตาห์รีร อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) หรือเอชทีเอส (HTS) เดิมเป็นที่รู้จักในชื่อแนวร่วมนุสรา (Nusra Front) เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในบรรดากลุ่มต่าง ๆ ที่รวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาดในสงครามกลางเมืองซีเรียที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2554
ก่อนหน้าการตั้งแนวร่วมนุสรา นายอัล-โจลานีได้สู้รบในอิรักให้แก่กลุ่มอัลกออิดะห์ และถูกคุมขังในเรือนจำของสหรัฐในอิรักเป็นเวลา 5 ปี เขาเดินทางกลับซีเรียทันทีที่เกิดสงครามกลางเมือง โดยเป็นไปตามคำสั่งของอาบู โอมาร์ อัล-แบกดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) ในอิรักในเวลานั้นเพื่อสร้างอิทธิพลของอัลกออิดะห์ในซีเรีย สหรัฐประกาศให้เขาเป็นผู้ก่อการร้ายในปี 2556 ด้วยเหตุผลว่า กลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักได้มอบหมายให้เขาโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีอัล-อัสซาดแล้วใช้กฎหมายชารีอะห์ของศาสนาอิสลามปกครองซีเรีย อีกทั้งแนวร่วมนุสราของเขายังได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งสังหารพลเรือนเป็นจำนวนมาก และเผยแพร่แนวคิดนิกายที่ใช้ความรุนแรง ขณะที่ทูร์เคียหรือตุรกีประกาศให้เอชทีเอสเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ยังคงสนับสนุนกลุ่มต่อต้านอื่น ๆ ในซีเรีย
นายอัล-โจลานีให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกในปี 2556 โดยใช้ผ้าพันคอสีเข้มปกปิดใบหน้า และหันหลังให้กับกล้องของสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา เรียกร้องให้ซีเรียปกครองตามกฎหมายชารีอะห์ แต่ในอีก 8 ปีต่อมาเขาให้สัมภาษณ์พีบีเอส (PBS) ซึ่งเป็นบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงสาธารณะของสหรัฐ ด้วยการเปิดหน้า หันหน้าเข้าหากล้อง โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อแจ็คเก็ต กล่าวถึงเรื่องที่ถูกสหรัฐประกาศให้เป็นผู้ก่อการร้ายว่าไม่เป็นธรรม เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับการสังหารผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับเล่าเรื่องแนวร่วมนุสราของเขาว่า เติบโตจากกลุ่มเพื่อนร่วมรบในอิรักเพียง 6 คน เป็นกลุ่มที่มีสมาชิก 5,000 คนภายใน 1 ปี และไม่เคยเป็นภัยคุกคามต่อชาติตะวันตก เนื่องจากได้ยุติความเกี่ยวข้องกับอัลกออิดะห์แล้ว
นายอัล-โจลานีสู้รบอย่างนองเลือดกับนายอัล-แบกดาดี ผู้นำไอเอสในอิรักที่เคยเป็นพันธมิตรกัน เนื่องจากไอเอสพยายามยุบรวมแนวร่วมนุสราในปี 2556 และในช่วงที่ไอเอสถูกสหรัฐและพันธมิตรปราบปรามอย่างหนักจนกระทั่งสูญเสียพื้นที่ยึดครองในอิรักและซีเรีย นายอัล-โจลานีได้ยึดจังหวัดอิดลิบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นฐานที่มั่นของเอชทีเอส และตั้งรัฐบาลพลเรือนขึ้นปกครอง
และเมื่อฝ่ายต่อต้านซึ่งประกอบด้วยกลุ่มกบฏต่าง ๆ ที่เป็นมุสลิมสุหนี่ เปิดฉากปฏิบัติการสายฟ้าแลบรุกคืบเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน เอชทีเอสออกประกาศให้คำมั่นกับชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ เช่น มุสลิมอะละวี (Alawite) และคริสต์ชนว่า จะไม่ยอมรับการปกครองแบบแบ่งแยกนิกายและจะให้การปกป้องคุ้มครองคนกลุ่มต่าง ๆ.-814.-สำนักข่าวไทย