15 มี.ค. – ยอดผู้เสียชีวิตจากไซโคลนเฟรดดี้ พัดถล่มทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 คนแล้ว และคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นอีก
รัฐบาลมาลาวีเปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไซโคลนเฟรดดี้พัดถล่มเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 190 คนแล้ว และมีผู้บาดเจ็บ 584 คน นอกจากนี้ยังมี ผู้สูญหายอีก 37 คน คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะโอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตนั้นแทบจะไม่มีแล้ว ผู้เสียชีวิตในมาลาวีส่วนใหญ่เป็นเหยื่อโคลนถล่มในเมืองบลันไทร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขาย มีบ้านเรือนจำนวนมากถูกพัดพาไปกับกระแสโคลน ที่ถล่มลงมาในช่วงกลางดึกที่ผู้คนกำลังนอนหลับ ทั่วประเทศมีประชาชนได้รับผลกระทบเกือบ 59,000 คน และมีคนไร้ที่อยู่กว่า 19,000 คน ที่ต้องไปอาศัยอยู่ตามโรงเรียน และโบสถ์ เป็นการชั่วคราว
ส่วนที่โมซัมบิก ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านมีรายงานผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บอีก 24 คน บ้านเรือนประชาชน และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง การพัดถล่มแอฟริกาของไซโคลนเฟรดดี้ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ไซโคลนลูกดังกล่าวเคยพัดถล่มมาดากัสการ์ไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จากนั้นเคลื่อนเข้าสู่โมซัมบิกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันกว่า 20 คน ประชาชนได้รับผลกระทบเกือบ 4 แสนคน ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวลงสู่มหาสมุทรอินเดีย จนกระทั่งกลับมาทวีกำลังแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 200 กม./ชม. ไซโคลนเฟรดดี้เคลื่อนตัวเข้าถล่มโมซัมบิกอีกครั้งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะพัดถล่มมาลาวีเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ นับเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานที่สุด หลังจากที่พายุเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย