ปักกิ่ง 16 พ.ค.- นักวิเคราะห์มองว่า โครงการเส้นทางสายไหมใหม่เป็นความพยายามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระเบียบการค้าโลกและชูตนเองเป็นนักต่อสู้เพื่อโลกาภิวัฒน์ในช่วงที่สหรัฐลดบทบาทบนเวทีโลกด้วยนโยบายอเมริกามาก่อน
ผู้นำหลายประเทศพากันยกย่องในการประชุมสุดยอดโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 14-15 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเป็นโครงการแห่งศตวรรษและปลดปล่อยพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่บางฝ่ายมองว่า ประธานาธิบดีสีต้องการใช้โครงการนี้แผ่อิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองมากกว่าเปิดประเทศให้แก่การค้าและการลงทุนจากภายนอก
บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงโลกคอนโทรลริสค์ตั้งข้อสังเกตว่า หลายประเทศเข้าร่วมโครงการนี้เพราะผู้นำทางการเมืองมองว่าเป็นโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากสนับสนุนจีน ประธานาธิบดีสีรับปากจะอัดฉีดเงินอีก 124,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.28 ล้านล้านบาท) เพิ่มเติมจากที่ธนาคารพัฒนาจีนได้เตรียมวงเงินสินเชื่อ 890,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30.7 ล้านล้านบาท) ให้แก่โครงการสร้างท่าเรือ รางรถไฟ ถนน และนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 900 โครงการใน 65 ประเทศทั่วเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ครอบคลุมร้อยละ 60 ของประชากรโลก และ 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมโลก แต่หลายประเทศที่เข้าร่วมล้วนมีประวัติการเมืองและการบริหารไม่ดี จึงเสี่ยงทำให้จีนเกิดปัญหาได้ ด้านนักวิเคราะห์การเมืองจีนมองว่า กว่าปัญหาจะปรากฏ ประธานาธิบดีสีก็มีเวลามากพอที่จะใช้โครงการนี้สร้างชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำโอกาสที่จะได้เป็นประธานาธิบดีวาระ 5 ปีสมัยที่สองในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในปลายปีนี้.- สำนักข่าวไทย
