สหรัฐ 3 ม.ค. – รัฐนิวยอร์กกลายเป็นรัฐล่าสุดในสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านกฎหมายให้สามารถนำร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ไปทำปุ๋ยหมักได้ หลังจากเจ้าของร่างเสียชีวิตไปแล้ว
บริษัทที่รับจัดการศพด้วยวิธีดังกล่าว เผยว่า กระบวนการนี้ เรียกว่า การลดรูปแบบอินทรีย์ตามธรรมชาติ (Natural Organic Reduction) ซึ่งจะเปลี่ยนศพมนุษย์ให้เป็นปุ๋ยได้ภายในเวลา 4-6 สัปดาห์ โดยศพจะถูกนำไปใส่ในตู้คอนเทนเนอร์เหล็ก พร้อมกับเศษไม้ หญ้า และฟาง มีระบบควบคุมความชื้นให้พอเหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและจุลินทรีย์ เพื่อเร่งอัตราการย่อยสลายให้เร็วขึ้น ประมาณ 1 เดือน กระบวนการย่อยสลายศพก็จะแล้วเสร็จ ครอบครัวจะได้รับดินปุ๋ยที่เกิดจากศพและผ่านการฆ่าเชื้อแล้วกลับคืนไป ซึ่งสามารถนำไปเก็บ หรือนำไปทำประโยชน์ต่อได้ เช่น นำไปปลูกต้นไม้ ดอกไม้ หรือปลูกผัก
กระบวนการจัดการศพด้วยวิธีนี้ใช้พลังงานเพียง 1 ใน 8 ของการเผา ช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยสู่อากาศ และดีกว่าการฝัง ซึ่งอาจทำให้ของเหลวจากศพปนเปื้อนน้ำใต้ดิน ส่วนโลงศพที่ใช้ในการฝังก็เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม้ และยังต้องใช้ที่ดินจำนวนมากในการทำสุสาน ในส่วนของค่าใช้จ่าย นำศพมนุษย์มาทำปุ๋ยเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดราว 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 240,000 บาท) ไม่ต่างจากการฝังศพที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 7,800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 270,000 บาท) และการเผาศพที่เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 240,000 บาท) เช่นกัน
สำหรับรัฐแรกในสหรัฐ ที่อนุมัติให้ใช้วิธีทำศพนี้แบบถูกกฎหมาย คือ รัฐวอชิงตัน ในปี 2019 ตามมาด้วยโคโลราโด ออริกอน เวอร์มอนต์ และแคลิฟอร์เนีย .-สำนักข่าวไทย