กรุงเทพฯ 21 ม.ค.- นายกฯ สั่งเข้ม ห้ามกักตุนสินค้าจำเป็น หลังพบปัญหากักตุนเนื้อสุกร หวั่นซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน ปูพรมออกตรวจสตอกทั่วประเทศ เอาผิดขั้นเด็ดขาด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกำชับการแก้ปัญหาหมูแพงทั้งระบบ ได้ออกหลายมาตรการควบคู่กัน เพื่อลดปัจจัยปัญหาราคาหมูแพง ทั้งการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต เป็นเวลา 3 เดือน ผู้เลี้ยง ผู้จำหน่าย ผู้ส่งออก ผู้ครอบครองต้องจัดทำบัญชีคุมสินค้า แสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา หากพบว่า ฉวยโอกาสหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์ รายงานกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกร ชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา พบ ซากสุกรคงเหลือในคลัง 201,650 กิโลกรัม ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของซากสุกรได้ จึงอายัดซากสุกรไว้ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบห้องเย็นทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดสงขลาระหว่างวันที่ 21-31 มกราคม 65
ขณะที่ ชุดเฉพาะกิจด่านกักกันสัตว์จันทบุรี ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นเอกชนแห่งหนึ่ง พบซากสุกรแช่แข็งเข้าพักฝากที่ห้องเย็น ยอดคงเหลือ ณ. 20 มค.65 จำนวน 267,650 กิโลกรัม ถือว่ามีความผิดปกติ
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี พบมีการกักตุนเนื้อสุกร เกินกว่า 5,000 กิโลกรัม โดยไม่ได้แจ้งให้พาณิชย์จังหวัดทราบ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการขนย้ายซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
“นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงทุกชนิด ที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน วอนอย่าฉวยโอกาสหรือใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ซ้ำเติมภาระให้ประชาชน ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหา”นายธนกรกล่าว.-สำนักข่าวไทย