ชลบุรี 24 ธ.ค. – ชาวต่างชาติที่เงินหายจากบัญชีธนาคารกว่า 200 ล้านบาท เดินขบวนถือป้ายประท้วง หากไม่ได้รับคำตอบพร้อมยกขบวนเข้า สตช. อีกครั้ง 11 ม.ค.65
มีรายงานว่าวันนี้ (24 ธ.ค.) บริเวณถนนริมชายหาดพัทยากลาง หน้า สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี มีกลุ่มนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 50 คน ยืนถือป้าย พร้อมร่วมตะโกนประท้วงขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่าถูกพนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งหลอกโกงเงินไปจำนวน 200 กว่าล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พบว่าทางธนาคารยังไม่เข้ามารับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหาย และคดีความที่ฟ้องร้องไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตามที่ลูกความซึ่งเป็นผู้เสียหาย 3 ราย ประกอบด้วย นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) ได้ไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำที่ธนาคารหนึ่ง สาขาพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,003,000 บาท โดยทำธุรกรรมผ่านทางนายชัยสิทธิ์ ในฐานะลูกจ้างพนักงานของธนาคาร ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร ในขณะนั้น
ปรากฏว่าช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายทั้ง 3 คน ได้ไปติดต่อธนาคารเพื่อนำสมุดเงินฝากประจำไปปรับรายการดอกเบี้ยเงินฝาก และเบิกถอนเงินเมื่อครบกำหนด แต่ไม่สามารถเบิกถอนเงินที่ฝากไว้กับธนาคารได้ เนื่องจากนายชัยสิทธิ์ กับพวก ซึ่งเป็นลูกจ้างของธนาคาร ได้ทำรายการเท็จลงในสมุดบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายทั้ง 3 คน ที่ออกโดยธนาคาร พร้อมลวงผู้เสียหายให้ฝากเงินประจำแทนการฝากแบบสะสมทรัพย์ แต่เงินของผู้เสียหายกลับไม่ถูกนำเข้าบัญชีตามระบบ โดยนายชัยสิทธิ์ใช้สมุดบัญชีที่ธนาคารออกแต่ยกเลิกไปมาปรับรายการเพื่อทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จนได้รับความเสียหายแยกเป็น นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) จำนวน 120,001,000 บาท นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) จำนวน 50,001,000 บาท และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) จำนวน 30,001,000 บาท รวมทั้งสิ้น 200,003,000 บาท
ทั้งนี้ หลังทราบเรื่องพบว่านายชัยสิทธิ์ กับพวก ที่กระทำผิดต่อหน้าที่ ได้หลบหนีออกไปจากธนาคารสาขาดังกล่าว ดังนั้น ในฐานะที่ธนาคารเป็นนายจ้าง จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้คืนเงินฝากทั้งหมด พร้อมค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
นายศิริชัย กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุทางสำนักงานทนายความของผู้เสียหายได้ส่งหนังสือที่ นต.1201/2564 ลงวันที่ 1 ธ.ค.64 เรื่อง “ขอให้คืนเงินฝากและชดใช้ค่าเสียหาย” ไปยังธนาคาร โดยให้ชดใช้ในวันที่ 7 ธ.ค.64 แต่ปรากฏว่าทางธนาคารเพิกเฉยและมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่ามีเจตนาที่จะเพิกเฉยและหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของนายชัยสิทธิ์ จึงได้ทำหนังสือด่วนที่ นต.1206/2564 เพื่อขอให้คืนเงินฝากและชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งถือเป็นการแจ้งเตือนครั้งสุดท้าย โดยให้ดำเนินการภายในวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค.64 มิฉะนั้นจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญาในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ต่อไป
ส่วนการเดินทางมาประท้วงและเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพัทยา ในวันนี้ เพื่อเป็นการประกาศให้สังคมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งร้องขอให้ทางผู้กำกับการ สภ.เมืองพัทยา ทำการปรับเปลี่ยนคณะเจ้าพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความล่าช้า ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ ในวันที่ 11 ม.ค.2565 กลุ่มผู้เสียทั้งหมดจะร่วมกันเดินทางไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารดังกล่าว เพื่อขอให้มีการเร่งรัดติดตามความคืบหน้าของคดี และมีการชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายต่อไป ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าคดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย