ทำเนียบรัฐบาล 10 ก.ค.-ศบค. แจงข้อกำหนดฉบับที่ 27 ประกาศเคอร์ฟิว 10 จังหวัดสีแดงเข้ม ขอหลีกเลี่ยงข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น เพิ่มการตรวจหาเชื้อ กทม.-ปริมณฑล
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวถึงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 27 มีเนื้อหาสรุปว่า จากการระบาดที่รุนแรงโดยเฉพาะพื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับเชื้อโรคได้กลายพันธุ์สามารถแพร่กระจายได้ง่าย รัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นของมาตรการ โดยมุ่งลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายสำหรับพื้นที่เป้าหมาย เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด และเร่งรัดมาตรการป้องกันควบคุมโรค การรักษาพยาบาล และการฉีดวัคซีน เพื่อลดความรุนแรงของโรค อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงออกข้อกำหนดปรับปรุงพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ โดยให้ ศบค. ปรับปรุงเขตพื้นที่ตามสถานการณ์เสียใหม่ โดยห้ามออกนอกเคหสถาน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วันนับจากข้อกำหนดนี้ใช้บังคับ ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
โดยบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการออกนอกเคหสถานในห้วงเวลาดังกล่าวได้แก่ ผู้ป่วยหรือผู้มีความจำเป็นต้องพบแพทย์ รวมถึงบุคคลากรทางการแพทย์ พนักงานขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ผู้ขนส่งประชาชนไปยังศูนย์พักคอยรอการส่งตัว ผู้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เป็นต้น และผู้ประกอบอาชีพที่จำเป็น ขณะที่กรณีจำเป็นอื่นๆที่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารรับรองความจำเป็น เอกสารเกี่ยวกับสินค้าบริการต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ กรณีที่สมควรเพิ่มเติมข้อยกเว้นดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอผ่าน ศปก.ศบค.เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุญาต
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ให้มีมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑล ดำเนินมาตรการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งให้เต็มความสามารถ เพื่อลดการเดินทาง ในส่วนของภาคเอกชนให้เจ้าของกิจการ สนับสนุนปรับรูปแบบการปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในเวลานี้
สำหรับสถานที่ กิจการ ให้เปิดดำเนินการได้ภายในเงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบระเบียบต่อไปนี้ การจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือสถานที่ประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันให้เปิดดำเนินการถึงเวลา 20.00น. และให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ยา เวชภัณฑ์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ก่อสร้าง ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร รวมถึงการให้บริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นๆ ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ตลาดโต้รุ่ง ให้เปิดดำเนินการจนถึงเวลา 20.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อซึ่งตามปกติเปิดให้บริการในช่วงกลางคืน ให้ปิดบริการระหว่างเวลา 20.00 -04.00 น. สำหรับสวนสาธารณะ ลานกีฬา ที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้งให้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. ส่วนสถานประกอบการนวดแผนไทย สปา สถานเสริมความงาม ให้ปิดดำเนินการ ,ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม ยังคงเปิดดำเนินการได้เท่าที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนที่มากกว่า 5 คน สำหรับกิจกรรมการรวมกลุ่มบุคคลที่พนักงานเจ้าหน้าที่เคยอนุญาตให้จัดกิจกรรมไว้ก่อนหน้านี้ หากประสงค์จะจัดกิจกรรมในระยะเวลานี้ขอให้ขออนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบและทบทวนมาตรการให้เหมาะสมกับห้วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่โรงเรียน สถานศึกษา ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ และให้เจ้าหน้าที่กวดขันการมั่วสุมประชุมกันเพื่อเล่นการพนัน
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ข้อกำหนดดังกล่าวกำหนดให้จัดระบบและระเบียบขนส่งสาธารณะ ทั้งจำนวนและห้วงเวลาเดินรถ ระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. สำหรับการเดินทางข้ามจังหวัด ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ในช่วงระยะเวลานี้ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และให้พนักงานเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดการคัดกรองการเดินทางเส้นทางคมนาคมเข้าออกกทม.และปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการเดินทางเข้าออกจังหวัดอื่นๆ เพื่อควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน และคัดกรองการเดินทางประชาชนทั่วไป
สำหรับมาตรการป้องกันและรองรับผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ให้กทม. จังหวัดปริมณฑล สนับสนุนให้มีการใช้สมุนไพรหรือการแพทย์แผนไทยในการบำบัดรักษาตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มโอกาสการเข้าตรวจหาเชื้ออย่างเพียงพอ เร่งรัดการจัดตั้งสถานพยาบาลชั่วคราว โรงพยาบาลสนาม เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล เร่งรัดการดำเนินการวางระบบหรือจัดการสถานที่เพื่อจัดตั้งศูนย์พักคอยรอการส่งตัว รวมทั้งเพิ่มจำนวนจุดบริการคัดกรอง และเร่งให้มีบริการตรวจคัดกรองและการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว โรคเรื้อรัง
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการข้อห้ามและข้อปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน จนถึงวันที่ 25 ก.ค. เว้นแต่จะมีการประเมินความเหมาะสมสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย