ส่งศพพนักงานขับรถเอกซเรย์ชันสูตร เหตุดับหลังฉีดวัคซีน

นนทบุรี 7 พ.ค.- กรณีพนักงานขับรถเอกซเรย์ เสียชีวิตหลังรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เพียง 2 วัน ล่าสุดญาติส่งศพผ่าชันสูตร หลังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต


ช่วงเย็นวานนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าที่วัดศรีรัตนาราม ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กรณีที่นายสมชาย ม่วงวัง อายุ 51 ปี พนักงานขับรถเอกซเรย์ตามหน่วยงานต่างๆ เสียชีวิต หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค จาก รพ.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ช่วงบ่าย หลังจากนั้นวันที่ 2 เริ่มมีอาการแน่นหน้าอก วันที่ 3 เวลาประมาณ 22.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊งได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยผลชันสูตรจากโรงพยาบาลปทุมธานีออกมาว่ากล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

เมื่อคืนที่ผ่านมา (6 พ.ค.) หลังจากพิธีสวดอภิธรรมศพทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้นำร่าง นายสมชาย ม่วงวัง ส่งไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี หลังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ด้านนายสถาพร ม่วงวัง อายุ 20 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ตนเองได้เดินทางไปที่สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เพื่อร้องเรียนให้ช่วยชันสูตรศพพ่อของตนอีกหนึ่งรอบ เพื่อจะดูว่าพ่อเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด หรือเกิดจากโรคกันแน่ ส่วนคนที่รับเรื่องช่วยเหลือเป็นสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งจะนำรถมารับส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หากผลออกมาว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจริงคงต้องให้รัฐบาลช่วยเหลือครอบครัวของตน เนื่องจากครอบครัวตนเป็นครอบครัวยากจนมีพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว


ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวถึง กรณีชายชาวนนทบุรี อายุ 51 ปี พนักงานขับรถเอกซเรย์ เสียชีวิตหลังรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เพียง 2 วัน ว่าผลชันสูตรระบุกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ทางคณะกรรมการพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เท่าที่อ่านข้อมูลเบื้องต้นก็ถือว่ามีอาการเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายชัดเจน เนื่องจากมีอาการเจ็บหน้าอก แต่หลักฐานข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ คือ กราฟการเต้นของหัวใจ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน จะได้ข้อสรุปออกมาเร็วๆ นี้ สำหรับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมักพบในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และเบาหวาน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย