สธ.ชี้สถานการณ์โควิด-19 ยังน่าห่วง

กระทรวงสาธารณสุข 17 เม.ย.-สธ. ชี้สถานการณ์โควิด-19 ยังน่าห่วง หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อแตะหลักพันต่อเนื่อง 3 วัน มั่นใจหากคนไทยทุกคนร่วมมือยกการ์ดสูง ตัวเลขลดจากหลักพันเหลือหลักสิบภายใน 1 เดือน

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศว่า ตัวเลขขึ้นไปค่อนข้างสูงในช่วง 3 วัน ดังนั้นสถานการณ์น่าเป็นห่วง และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า สายพันธุ์อังกฤษมีความรุนแรง เนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกนี้ มีการติดเชื้อในกลุ่มวัยทำงานและวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นวัยที่มีการทำกิจกรรมค่อนข้างมาก ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ทำให้เกิดการแพร่กระจายได้เร็ว ที่เป็นห่วงคือ หากหลุดจากวัยทำงานไปอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้พบผู้ติดเชื้อที่มีอาการปอดอักเสบได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ระลอกนี้มีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 21 คน ปอดอักเสบมากกว่า 100 คน เป็นจำนวนที่มากกว่าระลอกที่หนึ่งและสอง


นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า ความจุของเตียงเวลานี้ที่ใช้คือ 1 หมื่นกว่าเตียง ถือว่า จำนวนมาก ดังนั้น หากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อาจต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนามมากขึ้น ส่วนที่มีหลายคนกังวลว่า การอยู่ใน รพ.สนาม จะยิ่งทำให้รับเชื้อมากขึ้นนั้น นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อใน รพ.สนามทุกคน จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง โดยข้อดีของการอยู่ รพ.สนามคือ จะมั่นใจได้ว่า ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการดูแล วัดไข้ วัดอุณหภูมิ วัดระดับอ๊อกซิเจนในเลือด หากลดลงแสดงว่ามีอาการปอดอักเสบ ก็จะมีคนดูแลได้ทันที

ส่วนจำนวนผู้ป่วยโควิดซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1,500 คนติดต่อกันหลายวันแล้ว คาดว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจากสูงในระดับนี้อีก 2-3 วัน ซึ่งต้องติดตามดูว่ามาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐกำหนดจะได้ผลหรือไม่ เช่น การปิดสถานบันเทิง การลดกิจกรรมการรวมกลุ่ม หากภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ ให้ความร่วมมือ รวมทั้งทุกคนสวมหน้ากากอนามัย งดการรวมกลุ่ม ก็จะคาดว่าสัปดาห์หน้าตัวเลขผู้ป่วยจะลดลง วันนี้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีก 1 หมื่นกว่าคน และมีล๊อตใหม่เข้ามาแล้ว 1 ล้านโดส ซึ่งมีความเป็นห่วงว่า บุคลากรทางการแพทย์จะเพียงพอกับการดูแลผู้ป่วยหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องเร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้ครบ ทั้งนี้ หากทุกคนร่วมมือกันดูแลตัวเอง ปฏิบัติตนตามมาตรการควบคุมโรค สัปดาห์หน้าสถานการณ์ก็อาจจะดีขึ้นได้


ด้าน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการปฏิบัติตัวเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า กลุ่มเสี่ยงสูง จะต้องกักตัว สังเกตอาการอยู่ที่บ้านก่อนในช่วง 14 วัน ยังไม่ต้องรีบไปตรวจ เพราะเชื้ออาจจะไม่ฟักตัว แต่หากมีอาการก็ขอให้ไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจได้ทันที ทั้งนี้ แม้ว่าผลเป็นลบ แต่กลุ่มเสี่ยงสูงก็ควรกักตัวให้ครบ 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการแพร่เชื้อแล้ว

“อย่างแรก เราถามตัวเองว่า มีอาการหรือไม่ ไปเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหรือไม่ หากตอบว่า ไม่ ก็สบายใจได้ ดูแลตัวเองตามปกติ หากมีอาการแต่ไม่เสี่ยง ก็ให้สังเกตอาการก่อน อาจจะเป็นโรคอื่นได้ แต่กลุ่มที่ไม่มีอาการ แต่ไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือไปในสถานที่เสี่ยง อย่างแรกต้องแยกตัวกักตัวก่อนเลย 14 วัน และเดินทางไปตรวจหาเชื้อ ทั้งนี้ หากมีอาการหรือเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อหรือไปในสถานที่เสี่ยง จะต้องรีบไปตรวจหาเชื้อโดยเร็ว” นพ.รุ่งเรือง กล่าว

นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ขอความร่วมมือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ลดการเคลื่อนย้ายของพี่น้องประชาชน ยกการ์ดให้สูง ล้างมือ เว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย ภายใน 1 เดือน จำนวนผู้ป่วยจะลดลงอย่างแน่นอน จาก 1,000 คน ก็จะเหลือ 40-80 คน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องปฏิบัติตนตามมาตรฐานควบคุมโรคต่อไป


ส่วนไลน์ “หมอพร้อม” จัดทำขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการจองวัคซีนโควิด-19 และขณะนี้เป็นการเตรียมระบบ แต่ยืนยันว่า ประชาชนที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนก็สามารถติดต่อโรงพยาบาลได้เช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า มีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ที่รักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่นำมาใช้กับกลุ่มผู้ป่วยที่อาการรุนแรง 5 แสนเม็ด โดยผู้ป่วย 1 คน จะใช้ 70 เม็ด และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้สั่งการให้เตรียมพร้อมอีก 5 แสนเม็ด สรุปคือ จะมี 1 ล้านเม็ด มั่นใจว่า สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้เพียงพอแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกชาวจีน

ศาลสั่งจำคุก 4 ชาวจีน ขนเอกสาร ตึก สตง.ถล่ม

ศาลพิพากษาจำคุก 4 ชาวจีน เข้าไปขนเอกสาร จากพื้นที่ อาคาร สตง. ถล่ม คนละ 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง