ไม่พบสัญญาณชีพ-ยุติค้นหา สรุปตาย 5 เหตุไฟไหม้บ้านถล่ม

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – เจ้าหน้าที่ยืนยันไม่พบสัญญาณ​ชีพผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคารพังถล่มจากเหตุไฟไหม้ จึงยุติการค้นหาแล้ว เชื่อผู้ติดค้างใต้ซากอาคาร 4 ราย เสียชีวิตทั้งหมด เตรียมนำอุปกรณ์​หนักเข้ามายกคานหลังคาออก


เหตุไฟไหม้บ้านในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 หลังจากช่วงเย็นที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจสอบสัญญาณความเคลื่อนไหวและสัญญาณเสียง ทำการตรวจสอบสัญญาณชีพใต้ซากอาคารเป็นครั้งที่ 3 หลังใช้ 13 นาที ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ซ้ำ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันไม่พบสัญญาณ​ชีพ ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยุติการค้นหาผู้รอดชีวิตแล้ว เชื่อผู้ที่ติดค้างใต้ซากอาคารจำนวน 4 ราย เสียชีวิตแล้วทั้งหมด เตรียมนำอุปกรณ์​หนักเข้ามายกคานหลังคาออก

โดยปฏิบัติการกู้ร่างใต้ซากอาคารเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากตัวอาคารยังมีไฟคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องฉีดโฟมอัดเข้าไปภายใต้ซากอาคาร เพื่อควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ประกอบกับโครงสร้างอาคารที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ทำให้การทำงานต้องใช้ความระมัดระวังสูง มีเพียงผู้เชี่ยวชาญ​ 5-​6 ชุดๆ ละ 6 คน สลับกันเข้าทำงานขุดและเจาะพื้นปูนซีเมนต์​จากชั้น 3 ลงสู่ชั้น 2 เพื่อหย่อนสายรับ-ส่งสัญญาณ​ชีพหาผู้รอดชีวิต พร้อมนำทีมสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ หรือเค 9 เข้ามาเสริมปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต แต่ไร้สัณญาณ​ตอบรับ


ต่อมา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ตัดสินใจตรวจสอบสัณญาณ​ชีพอีกครั้งเพื่อความแน่ชัด โดยใช้เวลาตรวจสอบ 15 นาที ผลที่ออกมายืนยันได้ว่าอาสาสมัครป้องกันและบรรเทา​สาธารณภัย​ 3 นาย และคนงานอีก 1 คน ที่ติดค้างใต้ซากอาคาร เสียชีวิตทั้ง 4 คน

เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทา​สาธารณภัย​ได้นำรถเครน 2 คัน รถไฟส่องสว่าง 2 คัน และรถแบ็กโฮขนาดเล็ก อีก 1 คัน เข้ามาเตรียมยกคานและรื้อซากอาคาร นำศพผู้เสียชีวิตออกมา

สำหรับบรรยากาศ​การทำงานขณะนี้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานทั่ว กทม. กระทรวงมหาดไทย​ ทหารเรือ และจิตอาสาจำนวนมากมาเสริมการทำงานของหน่วยกู้ภัย


ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ประกอบด้วย รถเครน แบ็กโฮ และรถไฟส่องสว่าง เข้ามาในพื้นที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายซากอาคารออกไปได้ เนื่องจากโครงสร้างอาคารมีขนาดใหญ่มาก จึงต้องใช้รถตัดถ่างโครงสร้างอาคารใหญ่น้ำหนัก 70 ตัน เข้ามาดำเนินการตัดโครงสร้างอาคาร แต่จากการสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงอาคารที่จะใช้ปฏิบัติงาน มีสภาพดินอ่อนตัว ทำให้รถน้ำหนักขนาดนี้ไม่สามารถทำงานได้ จึงต้องนำแผ่นเหล็กเข้ามาปูพื้นรองรับน้ำหนักของรถเครื่องจักร

นอกจากนี้ยังได้ระดมอาสากู้ภัยจากหลายจังหวัด หลายหน่วยงาน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจาก กทม. กระทรวงมหาดไทย ทหารเรือ และกลุ่มจิตอาสา 904 กว่า 300 คน มาเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การกู้ร่างผู้เสียชีวิตให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้ ซึ่งคาดว่าศพแรกจะออกจากใต้ซากอาคารได้ช้าสุดภายในเที่ยงคืนวันนี้

ส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลืออาสาสมัครทั้ง 4 ราย เบื้องต้น กทม. มีเงินช่วยเหลือส่วนหนึ่งรายละประมาณ 100,000 บาท บุคคลเหล่านี้ถือเป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้อื่น แต่ตัวเองต้องมาเสียชีวิต ดังนั้น ค่าตอบแทนที่ได้ต้องคุ้มค่า โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ข้างหลังต้องไม่เดือดร้อน ดังนั้น ตนจะของบสนันสนุนจากรัฐบาลมาให้ได้เป็นรายละ 1 ล้านบาท และจะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน