ไคโร 29 มี.ค. – เรือสินค้าขนาดยักษ์ “เอเวอร์ กีฟเว่น” ที่เกิดอุบัติเหตุเกยตื้นขวางคลองสุเอซ ในอิยิปต์ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่แล้ว เริ่มเคลื่อนที่ได้แไคโร 29 มี.ค. – เรือสินค้าขนาดยักษ์ “เอฟเวอร์ กีฟเว่น” ที่เกิดอุบัติเหตุเกยตื้นขวางคลองสุเอซ ในอิยิปต์ตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่แล้ว เริ่มเคลื่อนที่ได้แล้วในวันนี้ หลังจากปิดกั้นเส้นทางเดินเรือสินค้าที่สำคัญที่สุดของโลกมานานเกือบ 1 สัปดาห์เต็ม ทำให้เกิดความหวังว่า จะสามารถเปิดเส้นทางเดินเรือได้ในเร็ว ๆ นี้ล้วในวันนี้ หลังจากปิดกั้นเส้นทางเดินเรือสินค้าที่สำคัญที่สุดของโลกมานานเกือบ 1 สัปดาห์เต็ม
เวสเซลไฟน์เดอร์และมายชิปแทรกกิ้ง เว็บไซต์ 2 เพจ ที่ติดตามการจราจรทางทะเลรายงานตรงกันว่า ด้านท้ายเรือเคลื่อนที่ออกจากริมฝั่งด้านตะวันตกของคลองสุเอซแล้ว เวสเซลไฟน์เดอร์ ยังเปลี่ยนสถานะของเรือในเว็บไซต์ว่า “กำลังเดินทาง” ในขณะเดียวกัน คลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ทางเฟสบุ๊คแสดงให้เห็นเรือลากจูงเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ เรือบรรทุกสินค้าที่มีขนาดความยาวมากกว่าสนามฟุตบอล 4 สนามวางต่อกัน และและท้ายเรือเบี่ยงออกเปิดพื้นที่ในคลองแล้ว และในคลิปยังได้ยินเสียงร้องตะโกนแสดงความยินดี
แหล่งข่าวด้านการเดินเรือระบุว่า เรือเอฟเวอร์ กีฟเว่น กลับมาลอยลำได้อย่างสมบูรณ์แล้วและจะต้องเข้ารับการตรวจสอบในเบื้องต้นก่อนที่จะเดินทางต่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง เรือเอเวอร์ กีฟเว่น เกยตื้นขวางลำปิดเส้นทางในคลองสุเอซเนื่องจากเจอกับกระแสลมแรงจัดเมื่อวันอังคารที่แล้วและไม่สามารถควบคุมเรือได้ ทำให้อิยิปต์ต้องสั่งปิดเส้นทางในคลองสุเอซ ทำให้มีเรือสินค้าจอดรอคิวเพื่อผ่านคลองอย่างน้อย 369 ลำ ในขณะที่เรือสินค้าหลายลำตัดดสินใจใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู้ดโฮป ด้านปลายสุดของทวีปแอฟริกาในการเดินทางแทน
สำนักงานบริหารคลองสุเอซ หรือ เอสซีเอ ของอิยิปต์ กล่าวว่า จะสามารถเร่งการจราจรในคลองสุเอซได้เมื่อเรือเอเวอร์ กีฟเว่น เป็นอิสระแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเปิดเส้นทางในคลองสุเอซให้สัญจรได้เมื่อใด เมื่อวานนี้ หลายทีมที่ช่วยกันกู้ภัยเรือลำนี้ เร่งดำเนินการทั้งการใช้เรือลางจูงเพื่อดึงและลาก ในขณะที่ใช้เรือขุดเพื่อขุดลอกดินทรายบริเวณหัวเรือที่เกยฝั่งอยู่ให้หลุดออกไปจากการเกยตื้น มีรายงานว่า เรือสามารถกลับไปลอยลำได้เมื่อเวลา 4.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 9.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย เอสซีเอกล่าวว่า การเคลื่อนย้ายเรือให้หลุดจากการเกยตื้นใช้เรือลากจูงขนาดใหญ่ 10 ลำด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย