กทม. 1 ม.ค.-ระทึกก่อนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ คนร้ายปาไปป์บอมบ์ ใส่กลุ่มการ์ดวีโว่ ที่มาจัดกิจกรรมขายกุ้งของเกษตรกร หน้ากองสลากเก่า บาดเจ็บ 4 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบเพิ่มเติม
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ก่อนจะมีการเคาท์ดาวน์ปีใหม่ เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นบริเวณพื้นที่ลานจอดรถ สน.ชนะสงคราม ริมถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร หรือกองสลากเก่า ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มการ์ดวีโว่มาจัดกิจกรรมจำหน่ายกุ้ง จากเกษตรกร จังหวัดนครปฐม และมีการตั้งเวทีปราศรัยและเล่นดนตรี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด 4 ราย เป็นตำรวจสืบสวน สน.สำราญราษฎร์, ผู้หญิงที่ขี่รถจักรยานยนต์ มาพร้อมเด็กชายอายุ 7 ขวบ และเด็กหญิงอายุ 15 ปี ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว
เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุ พร้อมพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้กันพื้นที่ และเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าเกิดระเบิดที่บริเวณรถกระบะเชฟโรเล็ต สีน้ำเงิน ทะเบียน 3 ฒก 5369 กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณฝั่งซ้ายของรถบุบได้รับความเสียหาย และฝาครอบดุมล้อหน้าซ้ายหลุด
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ระบุว่า เป็นระเบิดชนิดแรงดันต่ำ หรือ ไปป์บอมบ์ ซึ่งคนร้ายได้ใช้ดินระเบิดแรงดันต่ำ และเศษตะปูต่างๆ ใส่ลงในท่อสีฟ้า ก่อนโยนใส่รถที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบเพิ่มเติม
ด้านพ่อค้าและการ์ดผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คน ก่อนที่จะขว้างระเบิดมาบริเวณรถกระบะที่เกิดเหตุ แล้วก็เกิดการระเบิดขึ้น และเมื่อไปดูกล้องวงจรปิดคาดว่า คนร้ายเป็นบุคคลที่ทำทีมาขอซื้อกุ้งเมื่อช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุระเบิด ซึ่งตนเองยังคุ้นหน้าว่าเคยเป็นกลุ่มนักเรียนอาชีวะ ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผย
พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบรายละเอียด แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเหตุจูงใจมาจากสาเหตุใด เป็นกลุ่มมือที่สามมาสร้างสถานการณ์หรือไม่
ส่วนเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ ระบุว่าระหว่างที่มาแวะรอซื้อกุ้ง และได้นั่งฟังดนตรี และได้ยินเสียงดังคง้ายระเบิด จึงวิ่งออกมาดู ก็พบรถได้รับความเสียหาย โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางหรือทะเลาะกับบุคคลอื่นแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุก็ไม่ได้อยากจะไปโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และให้เป็นเรื่องการสอบสวนของเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย