กทม. 2 ก.ย.- ลูกสาวนายกฯ ส่งทนายแจ้งตำรวจ สน.นางเลิ้ง เอาผิดโซเชียล ป้ายสี เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ฟอกเงินหนีไปต่างประเทศ
ที่ สน.นางเลิ้ง นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อาจารย์อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ให้ดำเนินคดีผู้ที่เผยแพร่ข้อความเท็จซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง มี พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากบุตรสาวทั้งสองของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล นิติบุคคล และสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ รวมกว่า 100 บัญชี ที่ลงข้อมูลเท็จใส่ร้ายให้เสียหาย มีคนหลงเชื่อ ไม่ไตร่ตรองนำไปแชร์ต่อและแสดงความเห็นอย่างเสียหาย ถือเป็นการหมิ่นประมาทบุคคลที่สาม เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จึงต้องการให้ตำรวจตรวจสอบว่ามีผู้ใดกระทำผิดบ้าง ส่วนกรณีมีนักการเมืองไปนำข้อมูลมาโพสต์แชร์ต่อด้วยนั้น ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่าเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนหรือไม่ ซึ่งลูกความทั้งสองยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่มีการยอมความหรือขอขมาลาโทษ เพื่อให้ยุติคดี ทั้งนี้ เพื่อเป็นบรรทัดฐานไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
นายอภิวัฒน์ กล่าวต่อว่า กรณีนี้ นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้สั่งหรือกำชับอะไรมา แต่ตนมาในนามส่วนตัว เพราะลูกความถูกใส่ร้ายให้เสียหาย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยถูกกล่าวหามาโดยตลอด ลูกความพยายามอดกลั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ล่าสุดเป็นเรื่องร้ายแรง หาว่าทุจริตโกงเงินประเทศหลักหมื่นล้าน ซึ่งไม่มีมูลความจริง เป็นการให้ร้ายเสื่อมเสียชื่อเสียงกับวงศ์ตระกูล จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใน 10 ประเด็น ดังนี้
1.เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนนามสกุลกลับเป็นของมารดา เพื่อหลบหนีคดีฟอกเงินของบิดา ยืนยันว่าไม่เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลโดยใช้ชื่อเดิมตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน
2.ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ยืนยันว่าทั้งคู่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในประเทศไทย
3.เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่าไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียวเมื่อยังเด็ก
4.เรียนอยู่ต่างประเทศ ยืนยันว่าเรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 จบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 2 ทั้งคู่
5.สอบตกปริญญาโท ยืนยันว่าไม่เคยเรียนต่อปริญญาโทและไม่เคยสอบตก
6.พักอาศัยอยู่คฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษโดยมีเจ้าสัวซื้อให้ ยืนยันว่าไม่เคยพำนักในอังกฤษ หรือประเทศใดเป็นเวลานาน เคยไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดปี 2558 โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้าพักตามโรงแรมปกติ
7.มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ ยืนยันทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น
8.บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน ข้อเท็จจริงบิดาโอนเงินให้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี
9.ไม่มีภาพปรากฎในโลกออนไลน์ ยืนยันว่าตนทั้งคู่ไม่มีโซเชียลมีเดียใดๆ เพื่อนๆ ต่างรู้กันว่าไม่ขอออกสื่อเพื่อป้องกันการแอบอ้าง
10.ไม่เปิดเผยตัวตนเหมือนลูกนักการเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ตนทั้งสองไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือรับผลประโยชน์ใดที่เกี่ยวข้องกับบิดา หรือตกเป็นที่สนใจของสังคม หากมีใครแอบอ้างถึงพวกตนทั้งสองว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นได้นั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น หากพบเบาะแสใดเกี่ยวกับการให้ร้ายพวกตน ส่งอีเมลมาที่ law.one555@gmail.com
ด้าน พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลักร้อยคนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่ามีผู้ใดกระทำผิดบ้าง จากนี้จะต้องตั้งคณะทำงานในระดับกองบังคับการมาดู พร้อมพิจารณาการทำงานกับหน่วยงาน เช่น ปอท.ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะเป็นคดีที่น่าสนใจในหมู่ประชาชนและเพื่อสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ยืนยันว่าไม่มีความกดดัน พร้อมยอมรับว่าก็เพิ่งทราบชื่อลูกสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยออกสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อหาที่ทนายความของบุตรสาวนายกรัฐมนนตรี แจ้งความ คือความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ,328 และ พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(1)
โดย ป.อาญา มาตรา 326 คือ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ป.อาญา มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาดภาพระบายสีภาพยนตร์ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพหรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียงหรือการกระจายภาพหรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนมาตรา 14 (1 )ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย