กรุงเทพฯ 29 ส.ค.- วันที่ 1 ตุลาคมนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จะเริ่มปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มตัว เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศและภาพลักษณ์องค์กรตำรวจขณะนี้ เชื่อว่าเป็นงานหินที่รอท้าทายความสามารถของ “พล.ต.อ.สุวัฒน์” อย่างแน่นอน
หลังจากเมื่อวานนี้ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. มีมติเอกฉันท์เห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือ “บิ๊กปั๊ด” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ที่มีอาวุโสน้อยที่สุด เป็น ผบ.ตร. คนที่ 12 รับไม้ต่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เท่ากับว่านักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ได้เป็น ผบ.ตร.แล้วถึง 2 คน เพราะทั้ง 2 ท่าน เป็นเพื่อนกัน
สำนักข่าวไทย วิเคราะห์ภารกิจท้าทายที่รอ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แก้ไข เริ่มจากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มการเมือง ที่มีการนัดรวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะมีในช่วงเดือนกันยายนและต่อเนื่องไปยันเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้ว งานนี้ต้องวัดใจ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ว่าจะเลือกใช้ไม้แข็ง หรือไม้นวม บริหารจัดการให้การชุมนุนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนอีกประเด็นวิเคราะห์ว่า ปัญหาอาชญากรรมในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมาจากปัญหา “โควิด-19” จึงคาดว่าอาจกลายเป็นปัญหารุมเร้าที่กำลังรอการแก้ไขจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ เช่นกัน
ส่วนปัญหาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในโลกออนไลน์ นับวันจะยกระดับความรุนแรงขึ้นเป็นปัญหาระดับประเทศ ถึงขั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งกองบัญชาการขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็คือ “กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” หรือที่เรียกกันว่า “กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์” โดยจะเริ่มดำเนินการในยุค “บิ๊กปั๊ด” พอดี จึงเป็นอีกงานหินที่รอการแก้ไข
หน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. นอกจากต้องบริหารจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยประสานได้กับทุกฝ่ายแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ปัญหาคลื่นใต้น้ำในองค์กรมีให้ปวดหัวเหมือนกัน เช่น กรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ฟ้องร้องอยู่กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ รวมถึงคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ที่เขย่าภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้สั่นคลอน จากกรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ผลการสอบสวนเบื้องต้นจบแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่องตำรวจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าประเด็นนี้จะยังไม่จบในยุคของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ดังนั้น ผู้ที่จะสั่งลงโทษหรือชำระความกับตำรวจที่บกพร่อง น่าจะไม่พ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ เรียกได้ว่าทำดีเสมอตัว แต่หากไม่ถูกใจประชาชน อาจมีเสียงไม่พอใจเกิดขึ้นได้
อีกคดีที่ไม่พูดถึงไม่ได้คดีของ “น้องชมพู่” โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ ถือเป็นภาพจำของคดีเช่นกัน เพราะเคยลงพื้นที่หลายครั้ง รวมถึงสั่งการใช้เทคโนโลยีสารพัดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมี เพื่อหาตัวคนร้าย แต่ปรากฏว่าผ่านมากว่า 3 เดือน ยังจับคนร้ายไม่ได้ คดีจึงสำคัญต่อว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเช่นกัน เพราะครอบครัวผู้เสียหายและประชาชนยังจับตาดูคดีนี้อยู่ว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่
สำนักข่าวไทย รวบรวมข้อมูลประวัติที่น่าสนใจของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ และเชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ เคยมีวีรกรรมที่ทำร่วมกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ สมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน หรือ นรต.รุ่นที่ 36 คือ การยกรุ่นประท้วงไม่เข้าเรียน จนเกือบสั่งให้ออกจากโรงเรียน กระทั่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องไปกราบนิมนต์สมเด็จพระสังฆราช เพื่อขอบิณฑบาตคำสั่งให้ นรต.36 กลับมาเรียนจนจบ กลายเป็นเรื่องเล่าขานกันในกลุ่มว่าเป็น “รุ่นสังฆราชขอบิณฑบาต” ไม่เช่นนั้นอาจไม่มี 4 นายพลของนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ในปัจจุบัน คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ “บิ๊กแป๊ะ”, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หรือ “บิ๊กใหม่”, พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หรือ “บิ๊กช้าง” และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือ “บิ๊กปั๊ด” โดย 2 คนใน 4 คนนี้ คือ “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กช้าง” จะเกษียณอายุราชการพร้อมกันในวันที่ 30 กันยายน ส่วน “บิ๊กปั๊ด” และ “บิ๊กใหม่” จะเกษียณอายุราชการในปี 2565
ย้อนประวัติ “บิ๊กปั๊ด” เกิดวันที่ 20 ธันวาคม 2504 ที่ฉะเชิงเทรา เข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 20 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 จบปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มติดยศ ร.ต.ต. รับราชการครั้งแรกในตำแหน่งรองสารวัตร สอบสวน สน.หัวหมาก ก่อนเติบโตในนครบาลรวมถึงบางพื้นที่ในปริมณฑล กระทั่งในปี 2555 ย้ายไปเป็นผู้การสืบฯ ที่ภูธรภาค 3 ก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตามมาด้วยผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และในปี 2559 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และในปี 2561 ได้ขึ้นตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคลี่คลายคดีระเบิดป่วนกรุง และในปี 2562 ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.-สำนักข่าวไทย