กรุงเทพฯ 19 เม.ย. – ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ (19 เม.ย.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า พร้อม ประชุมทีมค้นหา หลังวานนี้ (18 เม.ย.) สามารถเจาะเปิดพื้นที่เพิ่มเติม คาดว่าเป็นปล่องลิฟต์และบันไดหนีไฟ พบผู้ที่ติดอยู่ในบริเวณดังกล่าว 6 ราย และคาดจะมีผู้ติดค้างอยู่บริเวณดังกล่าวอีก ทำให้วันนี้เน้นการเจาะบริเวณปล่องลิฟต์เข้าไปอีก ส่วนการรื้อถอนโครงสร้างตึก จากความสูง 26 เมตร ขณะนี้สามารถลดระดับความสูงด้านหน้าโซน A และ D ลงมาเหลือ 12 เมตร ส่วนด้านหลัง โซน B และ C เหลือประมาณ 10 เมตร ภาพรวมภารกิจค้นหายังเดินหน้าต่อไปได้ค่อนข้างดี แต่พบปัญหาบ้าง คือรถเริ่มเสียมากขึ้น แต่เรามีเจ้าหน้าที่จากกรมทหารช่างที่ประจำอยู่หน้างานอยู่แล้ว
“ชัชชาติ” ยืนยันพร้อมสนับสนุนการเก็บหลักฐานตึก สตง.ถล่ม
ส่วนประเด็นที่ว่า กทม. ไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บหลักฐาน นายชัชชาติ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง กทม. อยากจะให้เอาหลักฐานไปให้ได้มากที่สุด เพื่อหาผู้รับผิดชอบมาให้ได้ เราร่วมมือกับทุกฝ่าย แต่อาจมีช่วง 2-3 วันแรกที่มีการค้นหาผู้รอดชีวิต อาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสารเล็กน้อย แต่ขณะนี้ได้ร่วมมือกับพิสูจน์หลักฐาน กรมโยธาธิการและผังเมือง และดีเอสไอ อย่างเต็มที่ เพราะการเก็บหลักฐาน กทม. ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ เรามีหน้าที่ค้นหาผู้ติดค้างอยู่ หลักการคือต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมโยธาธิการฯ มาอยู่กับเรา หากอยากได้หลักฐานชิ้นใด สามารถระบุและเก็บหลักฐานชิ้นนั้นไปตรวจสอบได้ ซึ่งเรื่องนี้เราพร้อมดำเนินการให้ตลอด ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร ร่วมมือกันได้ดี
ขณะที่ตัวเลขผู้สูญหายที่อาจเกิดความสับสนนั้น ผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าหลักการคือเมื่อมีการพบชิ้นส่วน ต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ยืนยัน เพราะบางรายพบเป็นชิ้นส่วนอวัยวะ จึงไม่ทราบว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ตอนนี้นำชิ้นส่วนออกมาแล้วกว่า 180 ชิ้น ทำให้ตัวเลขที่ผ่านมาอาจสับสน ขอให้รอการยืนยันจากทาง กทม. เป็นหลัก ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย. เวลา 10.00 น. ยืนยันผู้ประสบเหตุ 103 ราย เสียชีวิต 47 ราย บาดเจ็บ 9 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม 47 ราย
ทบ.เสียใจ “พ.อ.” ทีมช่วยเหลือ เหตุตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต
พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พันเอก พิฆราช สุริยะ รองหัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 11 และผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังพลจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ที่เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือเหตุตึก สตง. ถล่ม ซึ่ง พันเอก พิฆราช ประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน ขณะเดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันที่กองอำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ส่วนหน้า (จตุจักร)
ขณะที่การตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ขณะเกิดเหตุพบว่าพันเอก พิฆราช ขี่รถจักรยานยต์มาจากทางแยกศรีอยุธยา มุ่งหน้าไปทางแยกพญาไท อยู่ในช่องทางที่ 3 นับจากซ้าย เมื่อมาถึงจุดที่เกิดเหตุคาดว่ารถคู่กรณีคันข้างหน้าเบี่ยงซ้ายกะทันหัน ทำให้พันเอก พิฆราช ต้องหักหลบรถไปชนราวเหล็กกันทางจนรถล้มไถลไปบนถนน ถึงบริเวณทางเท้าหน้าโรงพยาบาลสงฆ์ ศีรษะกระแทกเข้ากับราวเหล็กกั้นทางอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งตำรวจจะเชิญคนขี่รถจักรยานยนต์คู่กรณีมาสอบปากคำ เวลา 19.00 น. วันนี้ (19 เม.ย.)
ขณะที่เมื่อช่วงเช้า ครอบครัวติดต่อรับร่างพันเอก พิฆราช ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดสันทรายต้นกอก ต.ฟ้าฮ่าม จ.เชียงใหม่โดยมีกำหนดพิธีสวดอภิธรรมศพ วันที่ 21-23 เม.ย.นี้ และ พิธีพระราชทานเพลิงศพ วันที่ 24 เม.ย. เวลา 13.00 น. ซึ่ง ผบ.ทบ. กำชับให้ต้นสังกัดเข้าช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกครอบครัวผู้เสียชีวิต ดูแลเรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ โดยเร็ว
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญ ร่วมกับ สน.พญาไท พื้นที่เกิดเหตุ สอบสวนและดำเนินคดีกับคู่กรณี โดยกองทัพบกพร้อมเป็นตัวแทนครอบครัวในการประสานงานและดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อยุติของคดี และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย