นายกฯ แจงปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยันไม่มีดีลปีศาจ

รัฐสภา 25 มี.ค.-นายกฯ แจงปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยันไม่มีดีลปีศาจ ต่อให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล “ทักษิณ” ก็กลับประเทศ ชี้ “ทักษิณ“ ได้รับความไม่ยุติธรรมตลอด 20 ปี บอกลาออกจากความเป็นลูกสาว-ความเป็นแม่ไม่ได้ ขอวิจารณ์การทำงานจะเป็นประโยชน์มากกว่า

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้าน ว่า ประเด็นเรื่องของชั้น 14 ซึ่งตนกับผู้อภิปรายมีความคิดเห็นที่ต่างกัน เพราะว่า ท่านเคยมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรที่จังหวัดภูเก็ตและเชื่อว่าคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้นมาใช้อภิปรายตนในวันนี้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้พูดไปในรายละเอียดหมดแล้ว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนอยากชี้แจงในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อพ่อกลับมาอยู่ประเทศไทยและออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสน เหมือนกับว่าดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและมีอำนาจในการสั่งข้าราชการ หรือว่าสั่งใครใดๆ ซึ่งขณะนั้นตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและไม่มีอำนาจใดๆ เลย ซึ่งในเรื่องของความถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่ในการรักษากฎระเบียบ การจะอภิปรายอะไรแบบนี้ก็ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมายและคนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะการพูดแบบนี้ เหมือนเป็นการด้อยค่าไปในตัว

”เชื่ออย่างยิ่งว่าลูกคนไหนก็ตาม ที่เห็นความไม่ยุติธรรม ที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ ซึ่งผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด และสถานการณ์ทั้งหมดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาในประเทศ ทุกคนก็ทราบถึงความยากลำบากที่เราและประชาชนได้ประสบมา ในเรื่องของความอยุติธรรม ซึ่งถ้าหาใครซักคนที่เผชิญเรื่องของความไม่อยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่า นายทักษิณคือคนท็อปๆที่ได้รับความไม่ยุติธรรม ท่านถูกยึดอำนาจทางการเมืองและถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกยึดทรัพย์สินถูกลอบสังหารหลายรอบ ซึ่งตนอยู่มหาวิทยาลัย ก็ทราบ สมัยนั้นการสื่อสารก็ยังไม่ค่อยดี ซึ่งในวันนั้นตนก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดี และวันนั้นไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นได้ยินแค่ข่าวและรออีกสักพักสรุปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ ซึ่งไม่ใช่เกิดครั้งเดียวและเกิดขึ้นหลายครั้ง เป็นสิ่งที่ เกิดความเจ็บปวดในครอบครัว นอกจากนี้ยังถูกพลัดพรากไปไกลกัน อยู่คนละประเทศอยู่เสมอ ซึ่งได้เดินทางไปหาคุณพ่อบ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่คิดถึงกันมากจนเกินไป โดยไปมาตลอด จนกระทั่งช่วงโควิด ท้องลูกคนแรก เดินทางยากลำบาก เมื่อท้อง 6 เดือนและได้อยู่กับคุณพ่อหนึ่งเดือน ก็เสียน้ำตา ตอนนั้นไม่รู้ว่าโควิดจะอยู่นานมากเท่าไหร่หรือความรุนแรงมากแค่ไหน“ นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเราที่สนิทกันอยู่แล้ว รักกันมากยิ่งขึ้น เพราะเราผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกัน ก็เข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ทำให้ตนได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีสติ และทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร และเป็นสิ่งที่ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอ ในเรื่องที่ลำบากก็มีข้อดีซ่อนอยู่เสมอ ตนเชื่ออย่างนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีสมาชิกกล่าวหาว่า คุณพ่อได้กลับมาเพราะว่ามีการดีลผ่านปิศาจ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง 100% ไม่ใช่ความจริงเลย และนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาและติดคุกหรือถูกจำกัดที่ทาง ซึ่งนายทักษิณก็บอกว่า อยากใช้เวลาที่เหลือที่เมืองไทย และปีนี้อายุ 75 แล้วอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย เพราะเติบโตที่เมืองไทยมาโดยตลอดและรักและห่วงประชาชนมาก คิดอะไรก็คิดจะคิดเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนรวย ทำให้ตนมีแรงบันดาลใจในการทำงาน ว่าแม้เจอเรื่องขนาดนี้ก็ยังคิดดีๆกับคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะๆในใจ

“แน่นอนว่าถ้าวันนั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันสำเร็จและตั้งรัฐบาลได้ ท่านเองเป็นผู้นำรัฐบาลและเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไรนายทักษิณ ก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลจะจัดตั้งโดยใคร นี่คือเรื่องจริง ที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนเรื่องกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความ ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ที่ตนขอไม่ก้าวล่วงและเป็นสิทธิของผู้มีคดีความทุกคน ส่วนจะพูดว่าป่วยจริงหรือป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็คือสิ่งที่ชัดเจน จะให้ตนบอกว่าพ่ออายุ 70 กว่า ป่วย ท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็คงไม่เชื่อ ป่วยเป็นโควิดหนักมากน้ำหนักลดลงทำให้เกิดอาการผมร่วง ท่านก็คงเชื่อ และถ้าบอกว่าคนอายุ 70 กว่าต้องผ่าตัดและการผ่าตัดไม่ง่าย เหมือนคนอายุ 20 30 40 ท่านคงไม่เชื่อ จึ่งไม่รู้ว่าต้องอธิบายแบบไหน ขณะนี้ มีการยื่นตรวจสอบกับทางแพทยสภา ซึ่งผลจะออกมาอีกไม่นานนี้ หวังว่าทุกท่านจะยอมรับ“ นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบนายทักษิณในกระบวนการต่างๆในฐานะลูกสาวที่รักคุณพ่อก็ห่วงใยแน่นอน และในฐานะนายกฯ ไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซง อย่าดูถูกข้าราชการไทยในสมัยนี้แล้วทุกอย่างตรวจสอบได้ไม่เคยแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้เลย และตลอดกาลการอภิปรายสมาชิกเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกคนในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ที่ทำได้

“แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้ คือขอให้ดิฉันลาออกจากความเป็นลูกสาวหรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ลาออกไม่ได้ และพร้อมที่จะทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะว่าสวมหมวกของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยและทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ แน่นอนว่าในฐานะลูกสาว ก็คือลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ดิฉันพูดคำนี้ด้วย ความภาคภูมิใจตั้งแต่สามารถพูดได้ ขอให้ทุกคนดูและพิสูจน์ความสามารถและความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะนายกรัฐมนตรี หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ก็ขอวิจารณ์ในเรื่องการทำงาน ก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า ทั้งต่อสภาแห่งนี้และต่อประเทศของเรา” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ตอนอายุ 14 ปีเมื่อตอนที่พ่อของนายกรัฐมนตรี ถูกรัฐประหาร และเมื่อมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเลย และไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของกลุ่มพันธมิตร ยืนยันว่า หลังจากมีการรัฐประหารครั้งที่สองของ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตนคือคนแรกแรกที่ออกมาต่อต้าน เรามาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ดังนั้นการกล่าวหาว่าตนเคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ยืนยันว่าไม่เคยเข้าร่วมและไม่เคยยึดสนามบิน อีกเรื่องยืนยันว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ อย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณในการชี้แจง และพร้อมรับข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ และท่านจะได้เข้าใจว่าการถูกเข้าใจผิดนั้นเป็นอย่างไร.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย

เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอด “ภูมะเขือ” กองทัพยึดคืนพื้นที่เบ็ดเสร็จ

26 ก.ค.- ธงชาติไทยโบกสะบัด! ปักยอด “ภูมะเขือ” หลังทหารไทยเปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่คืนจากฝ่ายกัมพูชาสำเร็จช่วงเย็นวานนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย -สำนักข่าวไทย