คุมตัวผู้ต้องหา ฆ่ายกครัว 3 ศพ พ่อแม่ลูก ทำแผนฯ

กำแพงเพชร 15 ก.พ. – ตำรวจคุม 2 ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูก ด้านญาติลุกฮือฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เข้าไปดูหน้าฆาตกรโหด หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์


ญาติของผู้เสียชีวิต และชาวบ้าน พยายามจะฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เข้าไปดูหน้า นายศิวกร หรือ โน๊ต และ นายนิรุตย์ หรือเข้ 2 ผู้ต้องหา ขณะเจ้าหน้าที่ นำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในคดีฆ่ายกครัว 3 คนพ่อแม่ลูก บริเวณบ้านร้าง ริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็น จุดที่ผู้ก่อเหตุ นำร่างผู้เสียชีวิตใส่รถกระบะไป จอดทิ้งอำพรางคดี ทำให้เกิดกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกัน แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้

ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่อีกชุดรีบพาตัว 2 ผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สวมหมวกกันน็อก เสื้อเกราะให้ รีบเข้าไปทำแผนอย่างรวดเร็ว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ กั้นพื้นที่โดยรอบไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้า ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายโน๊ต ว่ามีอะไรอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่นายโน๊ตก็นิ่ง ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น


ส่วนอีกจุด ซึ่งเป็นจุดยิง 3 พ่อแม่ลูก ริมทุ่งนา เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาลงจากรถตู้ เนื่องจากมีญาติ และชาวบ้านมาดักรอกันเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะเกิดการชุลมุนขึ้น จึงให้อยู่ภายในรถ แต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกรายละเอียดและภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวกลับมาสอบสวนต่อ ที่ สภ.คลองขลุง

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าสอบปากคำ นายศิวกร หรือ โน๊ต และนายนิรุตย์ หรือ เข้ อายุ 25 ปี และเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐาน สอบปากคำคนใกล้ชิด พยานแวดล้อม มีหลักฐานเป็นข้อพิรุธหลายอย่าง และเชื่อมโยงไปถึงตัวนายโน๊ต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยนำปืนบีบีกันดัดแปลงไปจำนำกับผู้ตาย และตรวจสอบภาพบาดแผลจากทั้ง 3 ศพ พบมาจากปืนกระบอกเดียวกัน และอาจเป็นบีบีกัน ที่นายโน๊ต นำมาจำนำไว้ ซึ่งเบื้องต้น นายโน๊ต ให้การรับสารภาพ เป็นคนลงมือยิง 3 ศพจริง และซัดทอดว่า นายนิรุตย์ หรือเข้ ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต จึงยื่นต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร ออกหมายจับ นายศิวกร หรือโน๊ต และนายนิรุตย์ หรือเข้ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันรอบฝัง ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ

ทั้งนี้ สอบปากคำนายโน๊ต ยังได้ข้อมูลว่า วันที่ 12 ม.ค. ได้นัดหมายให้นายใหม่มารับที่บ้าน และนั่งรถกระบะของนายใหม่ออกไปด้วยกัน ระหว่างทาง มีการพูดคุยเรื่องที่นายใหม่ เคยรับปากจะให้กู้ เงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อนำไปซื้อโดรนเพื่อการเกษตร เพราะมีอาชีพขับโดรนการเกษตร แต่นายใหม่ปฏิเสธ กระทั่งขับรถมามาถึงบริเวณทุ่งนาในพื้นที่ หมู่ 10 ต.คลองขลุง จึงลงมาพูดคุยกันนอกรถยนต์ แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงใช้ปืนที่นำมาจำนำไว้ กับนายใหม่ ยิงเสียชีวิตริมทุ่งนา จากนั้นโทรตามนายนิรุตย์ หรือเข้ มาช่วยขนร่างนายใหม่ ก่อนนำรถกระบะไปจอดทิ้งอำพราง และโทรให้ญาติมารับไป นำทองของผู้ตายไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง โดยเจ้าของร้านทองให้เงินสดมา 3,000 บาท ก่อนจะโอนเงินจนครบ 100,000 บาท เข้าบัญชีธนาคาร นอกจากนี้ นายโน๊ต ยังมีความพยายามหาช่องทางในการทำลายหลักฐาน โดยการสืบหาข้อมูล สอบถาม ให้เบาะแสผู้สื่อข่าว พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ทำทีเป็นห่วงครอบครัวผู้ตายเพราะรู้จักกันดี เป็นเพื่อนของน้องชายหญิงผู้เสียชีวิต


ขณะที่ ตลอดทั้งวันชุดอาสาสมัครกู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จัดชุดประดาน้ำธารา ลงพื้นที่ค้นหาปืน และโทรศัพท์ในสระน้ำ หมู่ที่ 8 บ้านร้อยไร่ ตำบลคลองขลุง ห่างจากจุดยิงประมาณ 1 กิโลเมตร ตามคำให้การของนายศิวกร หรือ โน๊ต แต่การทำงานเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะเป็นสระขนาดใหญ่ ลึก 2 เมตร ด้านล่างเป็นดินโคลน และค้นหามาทั้งวันก็ยังไม่เจอปืน และโทรศัพท์

ด้าน นายสุพัฒน์ ลูกพี่ลูกน้องกับนายใหม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวว่า หลังจากทราบว่า ผู้ก่อเหตุ นำพยานหลักฐานมาทิ้งบริเวณนี้ก็อาจเป็นไปได้ แต่มองว่าคนทำผิด ใครจะย้อนกลับมาทิ้งของกลางตรงจุดนี้ ทำไมไม่ทิ้งระหว่างเส้นทางหลบหนี และผู้ก่อเหตุก็เป็นคนใกล้ตัว ไม่น่ามาทำกันได้ ทำทีมาตีเนียนตลอดตั้งแต่ช่วงน้องชายตนหายตัวไปก็ตีเนียนมาถามหาข้อมูล ตอนเจอศพก็ตามมาใกล้ชิดตลอด รวมทั้งทำตัวเลือดเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]