นายกฯ ฝากรายการใหม่เทปแรก ไล่เรียงนโยบายแบบ Exclusive

กทม. 2 ก.พ. – “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” นักจัดรายการมือใหม่​ ฝากเนื้อฝากตัว หวังใจถึงใจกับประชาชน​ ไล่เรียงภารกิจนโยบายหลายเรื่องแบบเบื้องหลัง Exclusive 30 บาทรักษาทุกที่-บ้านเพื่อคนไทย-แก้ฝุ่น-พ.ร.ก.ไซเบอร์ ยันเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังเคาะ นายกฯ รับเสียใจถูกบูลลี่เรื่องแต่งตัว​ แต่จะแต่งแบบนี้ไปทำงานให้ประชาชนมีความสุข


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ครั้งแรก ​โดยจะมีเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เริ่มเล่าที่มาที่ไปเกี่ยวกับการทำรายการ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังจากตัวเอง เป็นรายการพิเศษสำหรับประชาชน ในรูปแบบที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนี้​ เป็นแบบ Exclusive นำเบื้องหลังมาเล่าให้ฟังว่าได้พบเจออะไรมาบ้าง ได้พูดอธิบายที่มาที่ไปของนโยบายและขั้นตอน แต่ละนโยบายว่าไปถึงไหนแล้ว

นายกรัฐมนตรี เล่าถึงเรื่องแรกเกี่ยวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ครอบคลุมทั่วประเทศไทย 77 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งรู้สึกดีใจมากที่ประชาชนไม่ต้องต่อคิวรอตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อเข้ารักษา เพียง 15 นาที เสียเวลา 1 วันเต็ม ซึ่งผลตอบรับกลับมาดีมาก หากมีระบบตรงไหนไม่ตอบสนองสามารถแจ้งมายังรัฐบาลได้


นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงงานวันเด็กที่ผ่านมา ถึงเป็นปีแรก ที่ได้เจอเด็กๆ ทั่วประเทศ และได้ดำเนินนโยบาย odos ให้โอกาส ได้เรียนในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยเคยทำนโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน จึงพิจารณางบประมาณเพื่อนำไปสู่การขยายและ Kick Off นโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน การศึกษาภาคฤดูร้อน หรือ odos ซึ่งถือเป็นโอกาส ให้เด็กได้นำความรู้ไปทำอะไรได้อีกมาก ให้เด็กที่ไม่ได้เรียนเก่งระดับท็อป เหมือนตนเองได้ไปเรียน Summer Camp และเป็นการสร้างโอกาส แม้ไม่ได้เห็นผลใน 1 ปีแต่เห็นผลแน่นอนในอนาคต

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการเปิดโครงการบ้านเพื่อคนไทยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยอยากให้คนที่มีศักยภาพในการทำงานมีกำลังใจ มีที่อยู่ และมีความภูมิใจ ที่มีบ้านของตัวเอง จากการทำงานมีเงินเดือน ออกไปทำงานอย่างสดชื่น รัฐบาลมีคนมีศักยภาพมากขึ้นสุขภาพจิตดีขึ้น แข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจ โครงการนี้ตอบโจทย์ปัจจัย 4 และเป็นแรงบันดาลใจ ผลักดันให้คนสู้งานต่อ อยากทำงานเก็บเงินซื้อในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนดีใจมาก ทุกฝ่ายของการเมือง​ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน​ ​สว. เห็นตรงกัน ว่าเป็นการสร้างโอกาสสร้างความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายดูแลทุกคนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ทุกแรงที่ต่อสู้ ผลักดันมา 20 ปี ถ้าไม่ใช้ทุกแรงก็ไม่สำเร็จ จึงเป็นความภูมิใจของทุกคน


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุม World Economic forum Annual Meeting 2025 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2568 ว่า​ ทำให้รู้ว่าการมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สามารถดึงความสนใจของคนได้จริง มีโอกาสสามารถผลักดันตัดสินใจเรื่องใดๆ ได้มีคนมาประชุมและขอคุยด้วย และมีผลที่ดี หาเงินเข้าประเทศได้อย่างมากมาย เช่น การลงนามสัญญาการค้าเสรี ดังนั้นปีหน้าก็จะไปอีกแน่นอนจะเอารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปด้วย โดยจะมีการเตรียมการล่วงหน้าในแต่ละกระทรวงที่มีนโยบายเกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจัดที่ Thailand Reception ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งจองข้ามปีตั้งแต่สมัยที่นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ เมื่อจัดแล้วทั่วโลกชม เพราะหลายคนชื่นชอบอาหารไทย ได้รับผลตอบรับที่ดี นอกจากนี้มีโอกาสได้ไปเดินซูเปอร์มาเก็ต พบสินค้าไทยไปขาย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่าได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับทุกกระทรวง ให้ดำเนินการตามกฎทุกอย่างอย่างเคร่งครัดเพราะมีการพยากรณ์สถานการณ์ล่วงหน้า​ จึงจะต้องทำมาตรการให้เข้มข้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์มากที่สุด แต่เมื่อถึงสถานการณ์จริง ทุกคนไม่มีความสุขตัวเองก็ไม่แฮปปี้ เพราะมีลูกเล็ก 2 คนหลานๆ เต็มบ้านไปโรงเรียนไม่ได้ แต่ละกระทรวง ก็ทำงานอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง นโยบายใช้รถไฟฟ้าฟรีทำให้รถไม่ติด ลดจำนวนรถยนต์ 5 แสนคันต่อวัน ทำให้ฝุ่นลดน้อยลง​ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประสานงานติดต่องานกับต่างประเทศ ว่าต้องมีลำดับขั้นขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการพูดคุยโดยใช้ Connection ส่วนตัวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ส่วนตัวก็คุยกับผู้นำประเทศอื่นเลย แล้วแต่หัวข้อบางครั้งเรื่องวิกฤติก็สามารถช่วยกันได้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การโอนเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน เมื่อ 27 มกราคม 2568 โดยยืนยันว่าโครงการเฟส 3 มาแน่นอนต้องรอให้กระทรวงการคลังยืนยันช่วงเวลาอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีผ่านร่างพ.ร.ก. ปราบอาชญากรรมเทคโนโลยีว่า ว่าเป็นเรื่องที่จริงจังมาก ที่ประเทศอาเซียนให้ความสำคัญ สามารถมีสิทธิ์จับคนที่มาตั้งเสาอากาศดักในเขตแดนเพื่อดึงสัญญาณมือถือของคนไทย เอาเบอร์เหล่านั้น ไปทำบัญชีม้า​ โทรกลับมาหลอกคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้บางคนร้องไห้ถึงขั้นจบชีวิต เพราะเก็บเงินมาทั้งชีวิตแล้วเหลือ 0 จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องออก เป็นพ.ร.ก. รีบบังคับใช้ เพื่อทำให้ธนาคารและเจ้าของกิจการมือถือมีส่วนรับผิดชอบ และตัดวงจรนี้ให้เด็ดขาดจริงๆ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกำลังใจในทุกๆ วันนี้ว่า หากโดนต่อว่า เสียใจและรู้สึกอย่างแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะงาน รออยู่เยอะมาก
“โดนว่านาทีนี้​ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วจึงพยายามมองว่า หัวข้อไหนที่ถูกต่อว่าเช่นประชาชนไม่พอใจ เรื่องการจัดการบางเรื่อง ก็กลับมาเรียกประชุม จัดการแต่ละกระทรวง แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเช่นถูกบูลลี่ มาตลอด เรื่องการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่ได้คิดอะไร หากนโยบายต่างๆทำสำเร็จความภูมิใจในความสำเร็จ ของดิฉันคือประชาชน ที่มีความสุขมากกับนโยบายที่ได้ไปชีวิตที่ดีขึ้น จากสิ่งที่นโยบายสำเร็จ และขอบคุณรัฐบาลขอบคุณนายกฯได้เงินหมื่นต่อยอดขายของได้เยอะขึ้น หมดเกลี้ยง มีแต่คนมาจับจ่ายใช้สอย​ คนซื้อดีใจคนขายก็ดีใจ หรือขอบคุณมาก 30 บาทเปลี่ยนชีวิต มันเติมเต็ม และรู้สึกว่า ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะเป็นฉันก็อย่างนั้นล่ะค่ะ” นางสาวแพทองธารกล่าว

ช่วงท้ายรายการ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หวังว่าประชาชนจะได้ยินได้ฟังอะไรที่เป็นความรู้หรือ Entertain สนุกสนาน จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยเดือนหน้าเจอกันใหม่ จะได้เข้าใจใจถึงใจ ส่งใจถึงใจกันมากขึ้นว่าใจนายกรัฐมนตรีจริงๆ คิดอะไรให้กับประชาชนบ้าง อยากเล่าอะไรให้ประชาชนบ้าง และขอฝากติดตามนักจัดรายการมือใหม่ด้วย.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย