ดีเอสไอเข้าแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรง 18 บอสดิไอคอน

แชร์ลูกโซ่ดิไอคอน

กทม. 11 พ.ย. -“ดีเอสไอ“ เข้าแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่-พ.ร.บ.ขายตรง 18 บอสดิไอคอน และ 1 นิติบุคคล ขณะที่ “ทนายวิฑูรย์” ยันเตรียมเอกสารพร้อมพิสูจน์ เชื่อไม่เข้าองค์ประกอบแชร์ลูกโซ่


เมื่อช่วงเวลาประมาณ 08.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ DSI ได้เดินทางเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาดิไอคอน 18 ราย และ 1 นิติบุคคล ภายในเรือนจำฯ ได้แก่ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 , 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19, 20 โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางเรือนจำฯ ในการจัดรอบแจ้งข้อกล่าวหาแต่ละคน ส่วนผู้ต้องหาจะให้รับสารภาพ หรือปฏิเสธเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งมีทนายความร่วมฟังด้วย

ภายหลังแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาในความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) และ พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง หลังจากก่อนหน้านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งสำนวนข้อหาฉ้อโกงประชาชนและข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนกระทั่ง DSI รับเป็นคดีพิเศษและมีการสอบปากคำสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ สคบ. เกี่ยวกับพฤติกรรมในการดำเนินกิจการของ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” จนพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม นำมาสู่การที่ DSI มีมติในการแจ้งข้อกล่าวหาบอสทั้ง 18 ราย และนิติบุคคลเพิ่มเติมในส่วนความผิดฐานแชร์ลูกโซ่และความผิด พ.ร.บ.ธุรกิจขายตรงฯ


ร.ต.อ.วิษณุ ระบุอีกว่า การเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ มีการประสานกับ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และ ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลางแล้ว ในการจัดสรรผู้ต้องหาเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งจะต้องมีทีมทนายในการร่วมสืบสวนสอบสวน โดยทาง DSI ได้ประสานไว้แล้วเช่นกัน ยืนยันว่าการจะแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ มีองค์ประกอบความผิดตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ สคบ. ให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวน เช่น การประกอบกิจการเป็นลักษณะผิดกฎหมาย ไม่สามารถที่จะนำเงินมาจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือนำเงินมาหมุนเวียนจ่ายจริงหรือไม่ โดยมีการสอบสวนไปถึงแผนประทุษกรรม งบการเงิน การวิเคราะห์เส้นเงิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์หลังบ้าน จนเห็นภาพรวมของคดี เป็นการรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดผู้ต้องหา ส่วนที่ทางฝั่งผู้ต้องหาต่อสู้ว่ามีสินค้าอยู่ ก็เป็นสิทธิผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งหากทนายฝ่ายนั้นมีข้อเท็จจริงตรงไหนที่มีประโยชน์ DSI ก็พร้อมรับฟัง

เมื่อถามว่าประเด็นการสอบสวนบอสดาราและบอสคนอื่นๆ จะแตกต่างกันหรือไม่ เพราะว่าลักษณะพฤติกรรมไม่เหมือนกัน ร.ต.อ.วิษณุ มองว่า ทั้งหมดมีกระบวนการของการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งแม้ว่าทุกคนอาจจะไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิดพร้อมกัน แต่เมื่อเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าหน้าที่ของแต่ละคน เมื่อรวมกันแล้วมีวัตถุประสงค์เดียวกันในการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นการฉ้อโกงประชาชน

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในส่วนของหัวหน้าทีมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ 18 บอสดิไอคอน ประกอบด้วย 3 ผู้อำนวยการกองคดีของดีเอสไอ คือ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ , พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ นอกจากนั้นคือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษของแต่ละกองคดี โดย พ.ต.ต.วรณัน และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดาบอสหญิง 7 ราย ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง


ขณะที่ในส่วนของ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีฮั้วประมูล เเละเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่บรรดาบอสชายทั้ง 11 ราย ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งนี้ในกรณีของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” จะเป็นความรับผิดชอบของ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค

ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล ได้เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 09.30 น. โดยเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ DSI ได้ประสานมาว่าจะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหากับ 18 บอส พร้อมกันในวันนี้ ตัวเองก็ตอบรับแบบงง ๆ จากนั้นเราก็ได้ให้ทีมงานช่วยกันจัดเตรียมเอกสาร ซึ่งมีมากพอสมควร เกี่ยวกับการทำธุรกิจทั้งหมด การจัดการจากโรงงานมายังโกดังและจากโกดังไปยังลูกค้า โดยเป็นเอกสารที่พอจะเตรียมได้ทัน ส่วนที่เหลือเป็นระบบของดิไอคอน วันนี้เราก็ได้ให้คนที่เข้าระบบได้อย่าง “เลขาฯ โค้ชแลป” และ “เลขาฯ บอสพอล” แยกเข้าไปในเรือนจำ เพื่อเข้ามาเปิดระบบให้กับทางผู้ต้องหาได้ให้การได้ ส่วนวันนี้จะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเลยหรือสอบคำให้การด้วยนั้น เห็นว่าทาง DSI บอกว่าจะเป็นการสอบคำให้การในเบื้องต้น ตัวเองก็เลยเตรียมข้อมูลมาให้แน่น เพราะคำว่าเบื้องต้นของบอสพอล ไม่มีอยู่จริง เขาเองก็อยากจะให้รายละเอียดทั้งหมด เพราะกลัวว่าจะรับเบื้องต้นไปแล้วจะตัดจบคดี และการมาสอบที่เรือนจำไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เมื่อถามว่าเราจะให้การอย่างไรเพื่อจะพิสูจน์กับข้อกล่าวหานี้ได้นั้น นายวิฑูรย์ ตอบว่า แชร์ลูกโซ่องค์ประกอบมันคือว่า “ต้องไม่มีธุรกิจอยู่จริง ต้องมีการเอาเงินของลูกค้า เอาเงินของคนใหม่มาจ่ายคนเก่า และต้องไม่มีสินค้า” ซึ่งเรามั่นใจว่าเราไม่เข้าองค์ประกอบนี้ วันนี้จึงจะให้ปากคำโดยละเอียด โดยเรามีความยินดีที่จะเปิดระบบหลังบ้านและชี้แจงให้ดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตัวเองก็จะต้องนั่งฟังและสังเกตการณ์ด้วยยาวๆ เพราะตัวเองเป็นทนายให้กับหลายบอส

ส่วนพยานที่จะเข้ามาให้ปากคำนั้น ตัวเองได้บัตรประชาชนและรายชื่อยืนยันตัวตนส่งมอบให้กับทาง DSI ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทาง DSI ขอให้ทำใหม่ ก็เลยต้องทำการบ้านทำบัญชีใหม่ พร้อมเก็บสำเนาบัตรประชาชนของตัวแทนแต่ละคน ทำได้ 2 วัน ได้ไปเบื้องต้น 700 คนแล้ว ส่วนพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น เรื่องนี้นายวิฑูรย์ ขอให้ตัวแทนเข้ามาให้ปากคำให้หมดก่อน เพราะรวบรวมได้จริง มีประมาณ 2,000 – 3,000 คน แต่จะให้การได้จริงหรือไม่ หรืออาจจะมีการตัดพยานไป ตัวเองก็แค่ขอความเป็นธรรม แต่พยานเขาจะไม่พอใจ ไปแจ้ง ม.157 ก็ไม่ทราบได้

ขณะที่นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผย ถึงความพร้อมของ กรมราชทัณฑ์ในวันนี้สำหรับการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำกลุ่มบอสดิไอคอน บอกว่า ทางเรือนจำมีการวางแผนบริหารจัดการอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีการประชุมกันอยู่ในการเข้ามาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนจะแจ้งพร้อมกันทั้ง 18 คนเลยหรือไม่ ต้องอยู่ที่ประชุม อาจจะแบ่งกันแจ้งคงไม่พร้อมกัน

เมื่อถามว่าสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของ 18 บอส เป็นอย่างไรบ้าง บอกว่าสุขภาพกาย สุขภาพใจปกติ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวก็ได้รับการดูแลตามมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนที่บอสวิน มีรายงานเป็นโรคมะเร็งก็ไม่ได้รับรายงานเรื่องการดูแลที่พิเศษเพิ่มขึ้นมา

ส่วนทนายตั้มและภรรยา ที่เข้าเรือนจำมาได้ 2 วันแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับตัวต้องใช้เวลาสักพักนึง ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ เมื่อถามว่ามีความเครียดไหม บอกว่า มีความเครียดไม่มาก และทั้งคู่ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ และเมื่อถามว่าหากทนายตั้มพ้นการกักโรคแล้วต้องแยกแดนจะพบคู่กรณีหรือไม่ ทางเรือนจำจะมีมาตรการอย่างไร นางกนกวรรณ บอกว่า เป็นสิ่งที่ทางเรือนจำเฝ้าระวังอยู่แล้วไม่ใช่แค่กรณีของทนายตั้มเพียงอย่างเดียว ทุกเรือนจำคำนึงถึงความปลอดภัยและสิทธิของผู้ต้องขัง ทางเรือนจำจะมีข้อมูล การเฝ้าระวังเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าทนายตั้มและกลุ่มบอสจะมีโอกาสเจอกันหรือไม่ ตอนนี้ยังคงไม่เจอเพราะว่าทนายตั้มอยู่ระหว่างการกักตัว ซึ่งคนละแดนกัน ส่วนการมีอาชีพเป็นทนายความจะมีการสร้างอิทธิพลภายในเรือนจำหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน และการสร้างอิทธิพลในเรือนจำก็ไม่มี

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเครือข่ายของผู้กำกับโจ้ที่เป็นคู่กรณีกับทนายตั้ม ที่อยู่ในหลายเรือนจำและต้องการจะจองกฐินทนายตั้มจะมีการป้องกันอย่างไรบ้าง นางกนกวรรณ บอกว่าทางเรือนจำมีการเฝ้าระวังและมีสายข่าว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลในประเด็นนี้

ส่วนกรณีเรือนจำมีนบุรีที่มีผู้ต้องขังทำร้ายร่างกายใช้ของไปแหลมจนมีผู้เสียชีวิต บอกว่า โดยปกติแล้วทางเรือนจำจะมีการตรวจสอบอาวุธ บุคคล และยานพาหนะ เป็นเรื่องที่ต้องมีการตรวจสอบทุกวันอยู่แล้ว และทางเรือนจำก็พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกัน

แต่เมื่อถามว่าอาวุธมันเล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำได้อย่างไร นางกนกวรรณ บอกว่าประเด็นนี้ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งทางเรือนจำก็มีการประชุมในวันนี้ถึงประเด็นดังกล่าวด้วย และทางเรือนจำก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความแออัด และจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่สัมพันธ์กับตัวผู้ต้องขัง และที่ผ่านมาเรือนจำก็พยายามตรวจสอบอย่างเต็มที่แล้ว

เมื่อถามถึงรายละเอียดว่าผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตอยู่แดนเดียวกันหรือไม่ บอกว่าแดนที่เกิดเรื่องค่อนข้างใหญ่ และหากมีคู่กรณีอยู่แดนเดียวกัน ทางเรือนจำก็จะแยกกันอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เห็นว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้มาก่อนหน้านี้แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในการตรวจสอบ.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

ชาวบ้านให้กำลังใจทหาร เชื่อพื้นที่อ้างสิทธิเป็นของไทย

อุบลราชธานี 3 มิ.ย.- ชาวบ้านแปดอุ้ม ยอมรับกังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย นางดำ วัย 66 ปี ชาวบ้านแปดอุ้ม ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ยอมรับตอนนี้ครอบครัวอยู่อย่างกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังอุ่นใจที่ทหารเข้ามาในพื้นที่ปกป้องรักษาอธิปไตยไทย พร้อมเล่าอีกว่าเมื่อก่อนเคยขึ้นไปด้านบน เห็นคูเลตของกัมพูชาขยับเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่แนวเขตแบ่งตามแนวสันปันน้ำไทย-กัมพูชา ส่วนจุดปะทะล่าสุดยืนยันว่าเป็นของไทย ชาวบ้านรู้กันตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นทวดทำเกษตรทำไร่บริเวณนั้น ตนเองก็เคยขึ้นไปทำไร่กันสนุกสนานในพื้นที่นั้นจนถึงเนิน 500 นางดำ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมทีหมู่บ้านแปดอุ้ม ไม่ได้อยู่ด้านล่าง แต่อยู่บนเขา ใกล้จุดปะทะ แต่ในปี 2520 คอมมิวนิสต์เวียดนามและเขมรแดงเป็นพันธมิตรกันสู้รบกับรัฐบาลกัมพูชา ทางเขมรแดงได้เข้ามาต้อนชาวบ้านแปดอุ้มไปเป็นทหาร ส่วนบ้านแปดอุ้มปัจจุบันเป็นหมู่บ้านที่ทางการไทยจัดสรรให้ชาวบ้านใหม่ในปี 2522 โดยให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านบนลงมาอยู่ด้านล่าง ด้านนายทอน อายุ 86 ปี ชาวบ้านแปดอุ้มอีกคน บอกว่า ติดตามข่าวสารทางทหาร ทราบข่าวลือของแม่ทัพภาคที่ 2 จึงอยากให้กำลังใจทหาร ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาลูกหลานทหารไทย .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ​ชี้​ต้องยึดสันติวิธี ปมไทย-กัมพูชา

สนามหลวง 3 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ​ชี้​ปมไทย-กัมพูชา ต้องยึดสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง​ คำนึงถึงชีวิต-​ความสูญเสีย ขณะที่ทหารพร้อมยึดมั่นรักษาอธิปไตย ส่วนกัมพูชาเตรียมนำเรื่องขึ้นศาลโลก ให้เป็นเรื่องของการเจรจา ย้ำ​ใช้สงคราม​เป็นมาตรการสุด​ท้าย นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึง จุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า​ ตนได้บอกไปหลายครั้งแล้ว คือยึดมั่นแนวทางแก้ไขแบบสันติวิธี พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง และยึดมั่นในการรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของประชาชน ที่ผ่านมาเราได้พยายามแสดงจุดยืนเหล่านี้ และพยายามหาช่องทางในการเจรจา เพื่อหาทางยุติได้อย่างสงบ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ประมาท มีการประสานงานกันอย่างทั่วถึงตลอดเวลากับทางกองทัพ กองทัพภาค ผู้บัญชาการทหารบก​ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ สิ่งที่เราทำขณะนี้ในแง่ของกองทัพ เราเตรียมความพร้อม เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ เท่าที่ตรวจดูในรายละเอียดต่างๆ มีการวางกำลังที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้โดยมั่นใจ และกองทัพก็ได้มีการเตรียมการอย่างเหมาะสม ไม่มีความบกพร่อง ส่วนเรื่องของการเจรจา​ นายภูมิธรรม​ ยืนยันว่า​ เราได้มีการพูดคุยกันมาตลอด ทั้งกระทรวงกลาโหม​ กองทัพ​ และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสิ่งที่เราอยากจะแก้ไขปัญหา ต้องคุยกันภายในให้เป็นเอกภาพ เมื่อวานนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทั้งวัน “สิ่งที่สำคัญก็คือ เราจะใช้มาตรการในการใช้ความรุนแรง หรือสงคราม จะเป็นมาตรการสุดท้าย […]

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]