นายกฯ เปิดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว

ทำเนียบ 7 ต.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ เปิดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025” ดึง 6 ผู้บริหารบริษัทท่องเที่ยวระดับโลกส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ตั้งภาคีเครือข่าย Tourism Taskforce ผลักดันรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน ชูกลยุทธ์มนต์เสน่ห์ไทย – 5 กิจกรรม 5 Must – Do in Thailand

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระหว่างรัฐบาลไทยกับคณะผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำระดับโลกเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย (Round Table Meeting) โดยมีทั้งหมด 6 บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Grab, Agoda, Expedia, IHG และ Marriott International, Trip.com Group และการบินไทย


ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและยินดีที่พบกับคณะ ซึ่งวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาลไทยและภาคเอกชนจะได้หารือร่วมกันเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงแคมเปญการท่องเที่ยวไทย “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ให้เป็นรากฐานสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองของไทย

ในปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น 7.5% และตั้งเป้าหมายรวมไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และเกิดการเดินทางภายในประเทศมากกว่า 205 ล้านครั้งทั่วประเทศไทย ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกและสถานที่อันน่าค้นหา (Hidden Gems) ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข หากแต่เป็นตัวแทนของความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ที่มีชื่อเสียงในด้านมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ความงดงามทางธรรมชาติ และการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น


นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นผ่านโครงการต่าง ๆ ดังนี้ 1) มนต์เสน่ห์ไทย (Thai Charms) นำเสนอประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ประเทศไทยมีความพิเศษ ตั้งแต่อาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกไปจนถึงศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิม โดยเน้นย้ำถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย

2) เมืองมนต์เสน่ห์ซ่อนเร้น (Hidden Gem Cities) ส่งเสริมจุดหมายปลายทางที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้มาเยือน ขณะเดียวกันยังเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ซึ่งจะช่วยลดปัจจัยด้านการท่องเที่ยวเฉพาะฤดูกาล และนำผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมาสู่ทุกภูมิภาค

3) แนวคิด 5 กิจกรรมท่องเที่ยว 5 Must – Do in Thailand ต้องชิม (Must Taste) สัมผัสรสชาติอันหลากหลายของอาหารไทย ต้องลอง (Must Try) สัมผัสความตื่นเต้นของมรดกทางวัฒนธรรม เช่น มวยไทย ต้องช้อป (Must Buy) ค้นพบแฟชั่นไทยและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะ ผ้าย้อมครามของไทย ซึ่งมีกระบวนการย้อมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์


ต้องแสวงหา (Must Seek) สำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร และต้องชม (Must See) เพลิดเพลินกับเทศกาลไทยอันคึกคักและงานอีเวนต์ระดับนานาชาติที่สำคัญ เช่น เทศกาลลอยกระทง งานสงกรานต์ และเทศกาล Thailand winter festival ซึ่งจะเริ่มจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลกำหนดเป้าหมายตลาดที่มีศักยภาพทั่วโลก โดยจะเพิ่มขีดความสามารถด้านเที่ยวบินและยกระดับการเชื่อมโยงซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เชื่อมต่อได้มากขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดย “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025” นั้นเป็นมากกว่าแคมเปญ ถือเป็นวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่สดใส เจริญรุ่งเรือง และครอบคลุมมากขึ้น จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันจุดประกายการท่องเที่ยวไทยและแสดงให้โลกเห็นถึงความงดงามและเสน่ห์อันไม่มีใครเทียบได้ของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก

โอกาสนี้ คณะผู้บริหารฯ ได้นำเสนอแนวทางการสนับสนุนการท่องเที่ยวผ่านการจัดตั้งภาคีเครือข่ายภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Taskforce) ซึ่งจะบูรณาการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของทุกบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่มีทั้งประสบการณ์และความชำนาญในเทคโนโลยี การเก็บรวบรวมฐานข้อมูลเชิงลึกต่างๆ จะช่วยยกระดับภาคการท่องเที่ยวไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นที่ 3 เสาหลักทางยุทธศาสตร์ ได้แก่

1) ยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ ก่อนการเดินทาง-ระหว่างการเดินทาง-หลังการเดินทาง (Pre-trip, During-trip, Post-trip) การพัฒนาแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก การเดินทาง และกิจกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งยกระดับมาตรฐานการเดินทาง เชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะ ตลอดจนนำเสนอแพลตฟอร์มแจ้งเตือนเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ เพื่อดูแลความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว

2) การโปรโมต 5 กิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในประเทศไทย และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Hidden Gems โดยเฉพาะการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเพื่อขยายเส้นทางท่องเที่ยวเดิม ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน รวมถึงจะช่วยสนับสนุนกลุ่ม SMEs ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กต่าง ๆ ด้วย ผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงและโปรโมตสถานที่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

3) สนับสนุนการจัดงานเทศกาล อีเวนต์ระดับโลก โดยพร้อมสนับสนุนการจัดงานต่าง ๆ รวมถึงการเป็นเจ้าภาพงานอีเวนต์ระดับโลก (Global mega events) ซึ่งไทยมีศักยภาพและมีเสน่ห์ของจุดปลายหมายทางการท่องเที่ยวจากกิจกรรมที่หลากหลาย อาหารที่ยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า การหารือในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ซึ่งข้อคิดเห็นและคำแนะนำที่ได้จากคณะผู้บริหารฯ จะช่วยกำหนดรูปแบบความร่วมมือในอนาคตร่วมกัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มากขึ้น.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

เหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 5 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ อีสานตอนบน และภาคตะวันออก ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ดานัส”แล้ว คาดว่า […]

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]