1 ส.ค. – โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยการเรียกรับสินบนในวงการอัยการถือว่าร้ายแรง ล่าสุดสั่งย้ายออกจากพื้นที่ เตรียมสั่งพักราชการ พร้อมตั้งกรรมการสอบ 30 วัน หากผิดจริงให้ออก พร้อมฟันอาญา ระบุปีที่แล้วศาลสั่งจำคุก 2 อัยการภูเก็ตมาแล้ว ฐานเรียกรับสินบน
นายประยุทธ์ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลัง ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. บุกจับกุมตัวอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช คาห้องทำงาน หลังเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาวิ่งเต้นให้หลุดคดีว่า วันนี้อัยการสูงสุดได้สั่งย้ายด่วนอัยการคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ มาประจำสำนักงานคดีแรงงาน พื้นที่ กทม.ทันที และให้อธิบดีอัยการภาค 8 รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมายังอัยการสูงสุด นอกจากนี้ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จใน 30 วัน ยืนยันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ท่านอัยการสูงสุดถือเป็นนโยบายสำคัญ โดยการลงโทษทางวินัยจะสั่งพักราชการระหว่างการสอบสวน และหากพบมีความผิดตามข้อกล่าวหาจริงต้องถูกให้ออกออกจากราชการ และดำเนินคดีอาญา เมื่อทางตำรวจส่งสำนวนการทุจริตมายังอัยการ อัยการจะส่งฟ้องเป็นคดีอาญาทุจริต อัตราโทษสูงสุดคือจำคุก จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ ไม่มี ผู้บริหารสำนักงานอัยการสูงสุดคนไหนกล้าเข้าไปช่วย หรืออุ้มข้าราชการที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
โฆษกอัยการสูงสุด ยังยกตัวอย่าง เคส 2 อัยการจังหวัดภูเก็ตเรียกรับสินบน จากภาคเอกชนแลกกับการไม่ดำเนินคดี ในคดีเรียกรับสินบนบุกรุกป่า จำนวน 10 ล้านบาท โดยคดีนั้นศาลอาญาคดีทุจริตภาค 8 พิพากษาจำคุก 2 อดีตบิ๊กอัยการภูเก็ต เป็นเวลา 12 ปี และ 8 ปี แสดงให้เห็นว่า สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการเฉียบขาด เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรง.-415-สำนักข่าวไทย