16 มิ.ย. – พบแล้ว เรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ของกลางในคดี ลอยลำอยู่ใกล้น่านน้ำมาเลเซีย ส่งชุดประกบควบคุมเข้ามาที่ท่าเรือ จ.สงขลา ก่อนผู้การตำรวจน้ำจะเข้าตรวจสอบ พรุ่งนี้ (17 มิ.ย.)
ความคืบหน้าการสืบสวนคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร ของเครือข่าย “โจ้ ปัตตานี” ของกลางในคดี สูญหายไปจากสะพานตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานจากชุดสืบสวน พบเรือทั้ง 3 ลำ แล้ว ลอยลำอยู่บริเวณ น่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ค่อนออกไปทางทะเลหลวง ใกล้กับน่านน้ำประเทศมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งชุดไปประกบ พร้อมควบคุมเรือเข้ามาที่ท่าเทียบเรือ จังหวัดสงขลา และในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรือทั้ง 3 ลำด้วยตัวเอง ส่วนรายละเอียด จะนำกลับมาดำเนินคดีที่ อ.สัตหับ จ.ชลบุรี หรือไม่ รวมถึงน้ำมันของกลางยังมีอยู่หรือไม่ รอความชัดเจนและประเมินอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เส้นทางการเดินเรือน้ำมัน ทั้ง 3 ลำ พบว่า หลังจากออกจาก อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีการเดินทาง ผ่านไปทางน่านน้ำประเทศกัมพูชา ต่อไปที่น่านน้ำเวียดนาม ก่อนล่องลงมาทางภาคใต้ ของประเทศไทย ฝั่งอ่าวไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ ใช้แนวทาง ทั้งการเจรจาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และกดดันผู้ต้องหาให้นำเรือมาคืนโดยเร็วที่สุด กระทั่งพบเรือในที่สุด
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ออกหมายเรียก ลูกเรือ 16 คน ที่ไม่ได้ไปกับเรือบรรทุกน้ำมันที่สูญหาย มาสอบสวน ยืนยันว่าขณะตำรวจสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้ และหากพบพยานหลักฐาน ไปถึงใครจะต้องดำเนินคดีทั้งหมด ยิ่งหากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้วจะต้องเดินหน้าเอาผิดให้ถึงที่สุด เปรียบเทียบเสมือนการล้วงคองูเห่า สำหรับผลการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจน้ำที่ดูแลรับผิดชอบเรือทั้ง 3 ลำ เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกำหนดให้ 30 วัน กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำเร่งสอบสวนและรายงานความคืบหน้าให้ทราบภายใน 7 วัน.-สำนักข่าวไทย