กรุงเทพฯ 8 ต.ค. – ศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน ถกนานชั่วโมงครึ่ง “ภูมิธรรม” เผยแม้ยอดคนไทยเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 2 ราย แต่ได้รับรายงานอาจพุ่งถึง 10 ราย รอยืนยันจากอิสราเอล สั่ง กต. ประสานหามิตรประเทศรอบข้าง อพยพคนไทยไปอยู่ที่ปลอดภัยก่อนกลับไทย พร้อมย้ำไทยเป็นกลาง อยากเห็น 2 ประเทศ จบความขัดแย้งด้วยสันติภาพ
ภายหลังการประชุมศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center) นานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แถลงความคืบหน้าถึงเหตุการณ์ การความรุนแรงในตะวันออกกลาง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย ที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ จึงได้มีการหารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอลทั้งหมด เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีความรุนแรงถึงขั้นประกาศเป็นสงคราม ประเทศไทยและรัฐบาลไทยเราอยู่ในจุดยืนสำคัญ คือ เราเป็นกลางในสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ และยอมรับการดำรงอยู่ของทั้ง 2 รัฐ ทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล เราอยากเห็นทาง 2 ประเทศจบความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ด้วยกันร่วมมือกันการเจรจาสันติภาพ
ทั้งนี้ แรงงานไทยที่อยู่ในประเทศอิสราเอลมีถึง 30,000 คน โดยอยู่ใกล้กับฉนวนกาซาที่เกิดความรุนแรง ประมาณ 5,000 คน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยยังคงเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน แต่วันนี้เรายังออกไปไหนไม่ได้ จากการที่รัฐบาลอิสราเอลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน แต่เราก็ได้เตรียมการประสานงานกับภาคส่วนต่างๆล่วงหน้าไว้แล้ว เราซ้อมแผนฉุกเฉิน เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
นายภูมิธรรม ยังกล่าวต่อด้วยว่า ระหว่างการประชุม ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองทัพบก กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม สภาความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ ทราบว่ามีผู้เสียชีวิต อย่างเป็นทางการ 2 ท่าน แต่มีกระแสข่าวได้รับรายงานจากนายจ้างว่า น่าจะมีมากถึง 10 ราย แต่ต้องรอการยืนยันจากทางการอิสราเอลอีกครั้ง ส่วนตัวเลขของผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันอย่างเป็นทางการตอนนี้ คือ 11 ราย ขณะที่ยอดของผู้บาดเจ็บตอนนี้มีทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้มี 2 คน ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีก 6 คน บาดเจ็บเล็กน้อย
นายภูมิธรรม ยังกล่าวต่อด้วยว่า ตอนนี้กองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบิน 6 ลำ ประกอบด้วย A340 1 ลำ และ C130 5 ลำ พร้อมเดินทางได้ทันที แต่ตอนนี้รอข้อมูลก่อน โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รวบรวมรายชื่อของคนไทยทุกคนที่อยู่ในอิสราเอล ขณะเดียวกัน ก็ให้กระทรวงการต่างประเทศ แสวงหามิตรประเทศที่รอบข้างอิสราเอล เพื่ออพยพคนไทยไปอยู่ในเขตที่ปลอดภัยก่อน ที่จะอพยพกลับมาประเทศไทย เนื่องจากคนไทยมีมากถึง 30,000 คน จะอพยพทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซาที่มีคนไทยมากถึง 5,000 คน ขออย่าเป็นกังวล
พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ไม่ต้องรอให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เราพร้อมดำเนินการทันที แต่ปัญหาตอนนี้คือเป็นเรื่องของการสื่อสาร ที่ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง มีบางส่วนที่ยังติดต่อไม่ได้ จะเร่งดำเนินการติดต่อให้ได้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ยังไม่มีความชัดเจน ว่า ใครประสานที่จะเดินทางกลับประเทศไทยบ้าง แต่เราประเมินไว้ว่าหากสถานการณ์เลวร้าย เราก็พร้อมรับมือ หากได้รับสัญญาณเราพร้อมปฏิบัติการทันที เราได้วางจุดประสานงานไว้พอสมควรแล้ว ต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายอีกนิดนึง
เมื่อถามว่า ทางศูนย์ประเมินสถานการณ์จะเข้าไปช่วยคนไทยได้ช่วงไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังสับสน เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ากระทันหัน เร่งด่วน โดยที่ไม่มีการประเมินและทราบมาก่อน ตอนนี้สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้มากที่สุด คือการเตรียมความพร้อม ขณะนี้คนไทยยังไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจ ยกเว้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงรูปแบบการปฏิบัติการคือ ให้สถานทูตที่อิสราเอล ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเป็นศูนย์กลางที่เดียว แล้วค่อยประสานมายังกันทางการไทย เพื่อความเป็นเอกภาพ
เมื่อถามว่า ครอบครัวที่ประเทศไทยเริ่มมีความกังวลมากขึ้น จะดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงไปดูแลจิตใจ รายละเอียดในการช่วยเหลือ ซึ่งมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการเยียวยาจิตใจ และพยายามให้เห็นว่ารัฐไทยไม่ทอดทิ้งแน่นอน พร้อมยำกับพี่น้องในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือที่ไปทำงานที่นั่นเรายืนยันว่าจะดูแล อย่างดีที่สุด เราจะใช้ทุกอย่างตามศักยภาพที่เรามี ในการรักษาความปลอดภัยของพี่น้องคนไทย
เมื่อถามว่าทางการอิสราเอล แจ้งมาว่าอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทางอิสราเอลให้การยืนยันว่า จะดูแลคนไทยอย่างดีที่สุด บางส่วนตอนนี้ทางการอิสราเอลก็ได้อพยพ ไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว
นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยด้วยว่า มีนักศึกษาที่เป็นคนไทยไปเรียนที่อิสราเอลด้วยจำนวน 8-9 คน ตอนนี้ยืนยันว่าปลอดภัยทุกคน
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน เกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล น.ส. พรรณภา จันทรารมย์ ออท. ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งร่วมประชุมออนไลน์เพื่อสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ เปิดเผยว่าสถานการณ์บริเวณฉนวนกาซายังรุนแรง และทางการอิสราเอลไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพื้นที่ และไม่อนุญาตให้ประชาชนออกจากเคหะสถานโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ อินเตอร์เน็ตในพื้นที่ฉนวนกาซายังใช้ไม่ได้ จึงสามารถติดต่อแรงงานได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ ทั้งนี้ คนไทยนอกพื้นที่ยังไม่ได้รับผลกระทบและปลอดภัยดี โดยขณะนี้ มีรายงานเบื้องต้นว่า มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ 8 คน ผู้เสียชีวิต 2 คน (ที่ได้รับการยืนยันจากทางการ 1 คน) และได้รับแจ้งจากนายจ้างว่าเสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่งแต่สถานเอกอัครราชทูตฯ อยู่ระหว่างรอยืนยันข้อมูลเพิ่มเติม ถูกจับกุมไป 11 คน ซึ่งสถานทูตอยู่ระหว่างประสานทางการอิสราเอลเพื่อยืนยันข้อมูลและให้การช่วยเหลือ
ที่ประชุมได้ซักซ้อมหารือแผนการอพยพและแผนการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แม้ขณะนี้จะยังไม่มีประเทศใดทำการอพยพ แต่ทางการไทยจะเตรียมการไว้เมื่อสถานการณ์จำเป็น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็วเมื่อถึงเวลา รวมทั้งต้องเป็นไปตามความประสงค์ของพี่น้องแรงงานไทยด้วยว่าจะเดินทางกลับหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐบาลจะติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดและดูแลคนไทยในพื้นที่ รวมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดต่อครอบครัวและญาติทางไทยด้วยแล้ว
นอกจากนี้ กรมการกงสุลได้ติดต่อนางวนิดา อ่างแก้ว ภรรยาหนึ่งคนไทยที่ถูกจับกุม เพื่อสอบถามและให้กำลังใจ รวมทั้ง ก.แรงงาน ก็ได้ดำเนินการติดต่อญาติแรงงานที่ได้รับผลกระทบด้วย
อนึ่ง กต. ยังได้สั่งการให้ สอท. ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประสาน สนง. ปาเลสไตน์ ที่มาเลเซีย เพื่อแสดงความห่วงกังวลกับสถานการณ์และให้ประสานในการปล่อยตัวคนไทย ทั้งนี้ จะมีการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์รายวันต่อไป.-สำนักข่าวไทย