เชียงราย 20 ก.ย. – เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านในอำเภอเวียงชัย ที่เชียงราย ตื่นตกใจกับเสียงปืนจากการปะทะเดือดของตำรวจปราบปรามยาเสพติดกับแก๊งที่ขนไอซ์หนัก 1,000 กิโลกรัม ทำให้ตำรวจถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 1 นาย ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 1 คน ตรวจสอบเป็นเครือข่ายขนยาเสพติดรายใหญ่ คาดขนไอซ์เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน เพื่อส่งไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งหากหลุดรอดออกไปต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงนับหมื่นล้านบาท
ชาวบ้านย่านตลาดสดอำเภอเวียงชัย ที่เชียงราย เล่านาทีดวลเดือดระหว่างตำรวจและมือขนยาเสพติด เมื่อคืนนี้ หลังคนร้ายพยายามขับรถฝ่าวงล้อมตำรวจหลบหนี จนถูกระดมยิงเข้ากระจกหน้ารถด้านคนขับเกือบ 30 นัดไม่รวมรอยกระสุนปืน รอบรถอีกหลายสิบนัด หลังขับพุ่งชนทะลุร้านขายอาหาร แต่เจ้าของไม่อยู่บ้าน และเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองทำให้คนร้ายไม่มาเสียชีวิตในร้าน
ย้อนไปราว 22.00 น. เมื่อคืนนี้ เสียงปืนหลายสิบนัดที่ดังขึ้นเป็นชุดถึง 5 ครั้ง หลังตำรวจปราบปรามยาเสพติดพยายามสกัดรถฟอร์จูนเนอร์สีดำของคนร้ายที่ขนยาเสพติดมาเต็มคัน โดยใช้รถยนต์จอดขวางทางออกจากซอย หลังตลาดสดอำเกอเวียงชัย แต่คนร้ายเร่งเครื่องชนเพื่อหลบหนีและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับตำรวจอย่างดุเดือด ทำให้ดาบตำรวจวีระวัฒน์ คำดี ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเชียงราย เสียชีวิต ดาบตำรวจวิพู พานพิมพ์ บาดเจ็บและตำรวจอีกนาย กระสุนเฉี่ยวทะลุชายเสื้อรอดหวุดหวิด
ส่วนคนร้ายคือนายจะหนอย วัย 51 ปี ชาวมูเซอ ในอำเภอไชยปราการ ที่เชียงใหม่ ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในรถยึดกระสอบสีฟ้า 50 ใบ บรรจุไอซ์มากถึง 1,000 กิโลกรัม โดยพบผู้ตายเป็นพ่อของนายจะตี หัวหน้าแก๊งมูเซอ 2 พ่อลูก ที่รับจ้างขนยาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งจะใช้ป้ายทะเบียนปลอมเลขเดียวกันเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งนี้ แต่นายจะตี มีรายงานว่าหลบหนีเคลื่อนไหวอยู่ในฝั่งเมียนมา หลังถูกสกัดจับยาเสพติด 6 ล้านเม็ด ที่เชียงราย และอีก 7 แสนเม็ด ที่เชียงใหม่ จึงให้พ่อทำหน้าที่ขนในครั้งนี้
ผอ.ป.ป.ส. ภาค 5 วิเคราะห์ว่า ไอซ์ทั้งหมด 1 ตัน มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท น่าจะขนเข้าสู่ภาคกลางเพื่อส่งไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า หรือราว 10,000 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ผลิตยังเดินหน้าผลิตไอซ์และยาบ้า ซึ่งมีต้นทุนถูกลงหลังใช้สารเคมีทางเลือกที่ไม่ถูกควบคุม จนยาบ้าหน้าโรงงาน เหลือเม็ดละ 50 สตางค์ รวมทั้งค่าขนจากโรงงานมาถึงชายแดนและข้ามมาฝั่งไทยถูกลงรวมแล้วเหลือเม็ดละ 10 บาท
ตั้งแต่เดือนตลาคมปีที่แล้วจนถึตอนนี้ มีการสกัดยาเสพติดในภาคเหนือได้กว่า 400 ครั้ง ยึดยาบ้า 91 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 3,500 กิโลกรัม แถมขบวนการค้ายาเสพติดยังปรับเปลี่ยนการรับเงินจากเงิดสด โอนเข้าบัญชีหรือใช้ทองคำ หันมาใช้เงินดิจิทัลหรือคริปโต ทำให้ตรวจสอบยากขึ้นและกลายเป็นอีกโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหายาเสพติด.-สำนักข่าวไทย