“ทนายพัช” ปฏิเสธช่วย “แอม” ทำลายหลักฐาน

กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – “ทนายพัช” ให้การปฏิเสธ ช่วยเหลือ “แอม ไซยาไนด์” ทำลายพยานหลักฐาน ยืนยันยังเป็นทนายหลักของ “แอม” ด้านตำรวจเผย ทนายให้การขัดแย้งกับข้อมูลการสืบสวนสอบสวน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวธันย์นิชา​ เอกสุวรรณ​วัฒน์ ทนายความของนางสาวสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ และนาย ไชยา คุ้มอ่ำ ทนายส่วนตัว เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในข้อหา ตามมาตรา 184 ผู้ใดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย​ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย​ หรือทำให้ สูญหายหรือไร้ประโยชน์​ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท​ หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการเดินทางมาพบก่อนกำหนด ซึ่งพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เบื้องต้นทนายพัช ยังให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ตามขั้นตอนหากสอบปากคำเสร็จสิ้นพนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากทนายความเดินทางเข้ามาพบตามหมายเรียก

นายไชยา ยืนยันว่า ทนายพัชไม่ได้รับหมายเรียกใดจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม วันนี้จึงเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และการออกหมายเรียกทนายพัช ให้มารับทราบข้อกล่าวหา เชื่อว่าเป็นการเตะตัดขากันให้พุ่งเป้าไปที่ทนายพัช และพยายามตัดสิทธิไม่ให้ทนายพัชเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จึงอยากขอโอกาสให้ทนายพัชเข้าไปช่วยเหลือลูกความอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิทธิของลูกความที่จะเลือกทนายเข้ามาช่วยเหลือคดี


ด้านทนายพัช เปิดเผยหลังเข้ารับทราบข้อหา (13.00 น.) ว่า เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาตามมาตรา 184 ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยส่งกระเป๋าแบรนด์เนมของนางสาวก้อย ไปให้พยานที่ชื่อแก้ว ในจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยใช้และไม่เคยรู้จักกระเป๋าแบรนด์เนมเลย ประเด็นดังกล่าวมาจากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่แอม และมีการซัดทอดมาที่ตน ยืนยันทำหน้าที่ทนายความโดยสุจริตตามกระบวนการกฎหมาย ทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ กับนางแอม ให้ส่งกระเป๋าให้นางสาวแก้ว ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกครั้งว่า ทนายพัช รู้จักกับแก้ว พยานที่เพชรบุรีหรือไม่ ทนายพัช บอกว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในสำนวน

ทนายพัช ยืนยันขณะนี้ยังเป็นทนายหลักให้กับนางแอม ซึ่งขณะนี้แอมมีสุขภาพร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ไม่มีคิดจะฆ่าตัวตาย ส่วนกระแสข่าวที่มีทนายคนอื่นๆ อ้างว่าเป็นทนายความของแอมก่อนหน้านั้น ตนไม่ทราบ ส่วนจะมีทนายความคนไหนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีด้วยก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถแต่งตั้งทนายความคนอื่นเพิ่มได้ แต่ต้องสอดคล้องกับทนายหลัก และทนายหลักต้องยินยอม ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่ามีทนายความคนอื่นได้เข้าไปขอคัดสำนวนและขอเข้าไปพบแอม หลายครั้ง และเบิกตัวมาขึ้นศาล ซึ่งทนายคนดังกล่าวไม่ได้ขอมาทำงานร่วมด้วย แต่ขอไม่พาดพิงถึง

ส่วนแอม เท่าที่พูดคุยยังยืนยันปฏิเสธทั้ง 15 คดี และในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ศาลจะเบิกตัวแอมมาที่ศาลอาญา นัดไต่สวน คดีฟ้องหมิ่นประมาทนายรพี ชำนาญเรือ


สำหรับกรณีที่แอม จ่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรชื่อดัง สื่อสารมวลชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะฟ้องดำเนินคดี ม.157 รวมถึง พ.ร.บ.อุ้มหาย เรื่องนี้อยู่ระหว่างการหารือของกลุ่มทนายใจดี แต่ยืนยันว่ามีการฟ้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน ซึ่งตนยืนยันว่าการทำหน้าที่ของทนายความ มีหน้าที่ไปศาล ไม่ใช่มีหน้าที่ไปออกสื่อ

ส่วนกระสังคมที่โจมตีตัวเองในประเด็นต่าง ๆ มองว่าเป็นการทำคดีสวนกระแสสังคม เป็นปกติที่คนจะมองว่าตนเป็นคนไม่ดี แต่ยืนยันว่าไม่กังวลและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ภายในสัปดาห์หน้าตัวเองจะเข้าพบนางสาวแอมอีกครั้งที่ทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินคดีเพิ่มเติม

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำทนายพัช เจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การแย้งในประเด็นต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสงสัย ซึ่งทำให้การต่างๆ ค่อนข้างขัดแย้งกับข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่สามารถหักล้างประเด็นต่างๆ ในคดีได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าพยานหลักฐานที่ใช้ดำเนินคดีกับทนายพัช มีความชัดเจนว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกินกว่าการเป็นทนายความและเกินกว่าขอบเขตตามมรรยาททนายความของสภาทนายความ จึงถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าบุคคลที่ให้ปากคำซัดทอดมาถึงทนายพัช แต่ยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวมั่นใจในคำให้การและตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนจนหาพยานหลักฐานมายืนยันคำให้การดังกล่าวได้ และถึงแม้แอม ไซยาไนด์ จะให้การพลิกไปพลิกมาในแต่ละครั้งที่มีการสอบปากคำ ก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อตัวผู้ต้องหาเอง เพราะจะทำให้คำให้การของผู้ต้องหาเสียน้ำหนักทางรูปคดีและทำให้ศาลไม่เกิดความเชื่อถือ

ส่วนกรณีที่ทนายความของแอม แสดงความมั่นใจว่า แอม ไซยาไนด์ จะออกมาแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาความผิดเกี่ยวกับตาม พ.ร.บ. 157 และกฎหมายใหม่ที่เพิ่งถูกประกาศใช้ หรืออาจจะหลุดคดีใดคดีหนึ่งที่ตำรวจแจ้งข้อหา เรื่องนี้ยืนยันว่าเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้ และเป็นสิทธิของตำรวจที่จะไปต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ยืนยันว่าตำรวจมีความบริสุทธิ์ใจ ทำไปตามข้อมูลขอบเขตและพยานหลักฐานที่มี การดำเนินคดีกับทนายพัช ไม่ได้เป็นการเตะตัดขาทนายความหรือการใช้สิทธิต่อสู้คดีของผู้ต้องหา และเชื่อว่าแอม ไซยาไนด์ จะไม่ได้รับการประกันตัวหรือถูกปล่อยตัวมาในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากแอม ไซยาไนด์ หลุดจากคดีใดคดีหนึ่ง ก็จะต้องถูกอายัดตัวดำเนินคดีตามหมายอื่นๆ ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่