โรงแรมแชงกรี-ลา 9 พ.ย.-พล.อ.ประวิตรประธานประชุมประจำปีว่าด้วยเรื่องการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั้งยืน ครั้งที่ 14 ย้ำปฏิรูปปาล์มน้ำมันเพื่อประโยชน์ของประเทศและเกษตรกร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมประจำปีว่าด้วยเรื่องการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 14 (14th Annual Roundtable Meeting on Sustainable Palm Oil) (RT14) ภายใต้หัวข้อว่าด้วย “การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน : จากวิสัยทัศน์สู่การเปลี่ยนแปล” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรี-ลา โดยมีตัวแทนจากบริษัทชั้นนำที่สำคัญในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ผู้นำองค์กรทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันการเงิน ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจาก46 ประเทศเข้าร่วมประชุม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปาล์มน้ำมันถือป็นส่วนสำคัญในการใช้ผลิตพลังงานทดแทน ความต้องการใช้ปาล์มดิบของโลกจึงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การใช้ปาล์มน้ำมันของไทยขยายตัวร้อยละ 7.10 ต่อปี เป็นการสร้างอาชีพรายได้หมุนเวียนของประเทศมากกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี แต่จากการขึ้นทะเบียนข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มของไทยมากกว่าร้อยละ90 เป็นเกษตรกรรายย่อยที่ขาดความรู้ การจัดการที่ดี เกิดการสูญเสียการผลิตและการเก็บเกี่ยวในการแปรรูปสัดส่วนค่อนข้างสูง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มของไทยสูงกว่าผู้ผลิตรายใหญ่คือมาเลเซียและอินโดนีเซีย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติขึ้นมากำกับดูแลปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยคณะกรรมการฯ เห็นชอบยุทธศาสตร์การปฏิรูปน้ำมันปาล์มและปาล์มน้ำมันตั้งแต่ปี 2559-2579 ซึ่งจะเห็นว่าประเทศไทยได้พยายามทำให้ปาล์มน้ำมันได้ใช้อย่างเป็นประโยชน์ทัดเทียมกับประเทศมาเลเซีย เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศด้านการเกษตรและใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
“รัฐบาลไทย โดยกระทรวงเกษตรฯได้ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน จัดทำโครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน(RSPO) โดยมีเกษตรกรผ่านการรับรองแล้ว 1,674 ราย ครอบคลุมพื้น ที่6,400 ไร่ ส่วนในปี 2560 คาดว่าเกษตรกรจะได้รับการรับรองเพิ่มขึ้นอีก 1,300 ราย ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ” พล.อ.ประวิตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย