อสมท 9 พ.ย.-นักวิชาการแนะไทยตั้งแต่ภาครัฐ ปรับตัวเตรียมรับมือกับนโยบายใหม่ของรัฐบาลสหรัฐหลัง “โดนัล ทรัมพ์”ก้าวขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ส่วนภาวะตลาดหุ้นที่ตกลงทั่วโลกรวมทั้งไทยมองว่าจะเป็นช่วงระยะสั้นเท่านั้น
นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวกับ”สำนักข่าวไทย”ถึงผลกระทบต่อประเทศไทยเมื่อ นายโดนัล ทรัมป์ ได้ขึ้นมาเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ว่า จะมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยมากที่สุด ทั้งการส่งออกโดยตรงไปสหรัฐและการส่งสินค้าขั้นกลางไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ไปจำหน่ายให้กับสหรัฐ ขณะที่ภาคการลงทุนจากต่างประเทศก็มีความเสี่ยงสูง เม็ดเงินลงทุนโดยตรงในภาคธุรกิจและกระแสเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ของไทยอาจก็จะน้อยลง ดังนั้น ภาครัฐต้องรีบปรับกลยุทธ์ ลดการพึ่งพาการค้าการลงทุนจากต่างประเทศให้น้อยลง และนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในภาคธุรกิจให้มากขึ้น
ส่วนสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดลงหนักหลังรับทราบผลการเลือกตั้ง นายสมภพ มองว่า เป็นเพียงความตื่นตกใจระยะสั้นเหมือนสมัย Brexit และจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า แต่ต้องจับตานโยบายการเงินของสหรัฐต่อจากนี้ เพราะนายโดนัล ทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเงินของสหรัฐอย่างหนัก และมุ่งมั่นจะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ อาจส่งผลให้นางเจเนต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐในขณะนี้ลาออกจากตำแหน่งก่อนเวลาก็เป็นได้
“อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อดีที่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ในเรื่องของการเมืองความมั่นคงของโลกที่น่าจะดีขึ้น จากความต้องการให้สหรัฐถอนตัวจากพื้นที่ขัดแย้งทั่วโลก อีกทั้งนายทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญในเรื่องประสานผลประโยชน์เป็นอย่างดี ส่วนนโยบายสุดโต่งอื่นๆของนายทรัมป์ มองว่าเป็นเพียงลีลาการหาเสียงเท่านั้น จะบังคับใช้จริงต้องผ่านการคัดกรองจากพรรครีพับรีกันและสภาอีกหลายขั้นตอน”อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์กล่าว-สำนักข่าวไทย