กรุงเทพฯ 2 เม.ย.- นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีข้อทักท้วงการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งกรณีตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่วัด โดยเห็นว่าโครงการที่วัดขอรับเงินอุดหนุน ไม่ใช่ภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และวัดยังไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ หรือข้อบังคับเกี่ยวกับระบบการจัดซื้อจัดจ้าง และการควบคุมการใช้จ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ซึ่งอาจนำไปสู่ช่องทางในการทุจริตได้ กระทรวงมหาดไทย จึงขอความร่วมมือให้ชะลอการตั้งงบสนับสนุนวัดไว้ก่อน จนกระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา และแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการใช้จ่ายงบอุดหนุนของท้องถิ่นสนับสนุนวัดได้แล้วนั้น ประกอบกับเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือแจ้งกระทรวงมหาดไทยว่า ขณะนี้มหาเถรสมาคมได้มีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินอุดหนุนวัดที่ได้รับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสนับสนุนงบประมาณเพื่ออุดหนุนวัดในด้านต่างๆ ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559 และข้อสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ถือปฏิบัติทั้งในด้านการจัดตั้งงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่หน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุน และรวมถึงการดำเนินการตามประกาศของมหาเถรสมาคม
กระทรวงมหาดไทยจึงแจ้งทุกจังหวัดเน้นย้ำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2559 และให้ประสานวัดในเขตพื้นที่ดำเนินการตามประกาศมหาเถรสมาคมในการใช้จ่ายเงินอุดหนุนวัดที่ได้รับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเคร่งครัดด้วย ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้วัดที่ได้รับเงินอุดหนุน ก่อนดำเนินการจะต้องปิดประกาศเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ต้องกำหนดวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้ขาย หรือผู้รับจ้าง หรือผู้รับผิดชอบกิจกรรมอย่างชัดเจน โดยวิธีตกลงราคา หรือ วิธีคัดเลือก และให้วัดตั้งคณะกรรมการจัดหาพัสดุ หรือคณะกรรมการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่การใช้จ่ายเงินต้องมีหลักฐานเพื่อการตรวจสอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือใบสำคัญรับเงิน เป็นต้น ส่วนการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการจัดหาพัสดุตามโครงการหรือกิจกรรม ที่มีวงเงินตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไป วัดจะต้องทำหนังสือสัญญาหรือบันทึกข้อตกลงไว้กับผู้ขายหรือผู้รับจ้างไว้เป็นหลักฐาน และวัดต้องรายงานผลการดำเนินการ พร้อมรายงานการใช้จ่ายเงินและสำเนาใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารหลักฐานอื่นให้ผู้ให้เงินอุดหนุนทราบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่โครงการแล้วเสร็จ และพร้อมส่งคืนหากมีเงินเหลือจ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องตรวจสอบว่าหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนมีระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ หรือวิธีปฏิบัติเพียงพอที่จะนำเงินอุดหนุนที่ได้รับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และหากหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุนไม่มีหลักฐานแสดงในเรื่องดังกล่าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถพิจารณาไม่จัดตั้งงบประมาณหรือเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่หน่วยงานดังกล่าวได้ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์ ระเบียบ และวิธีการดำเนินงานให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน ภายใต้แนวคิด “บ-ว-ร” มุ่งพัฒนา “บ้าน-วัด-โรงเรียน” เพื่อร่วมพัฒนาสังคมและชุมชนให้เกิดความรักสามัคคี และสร้างโอกาส สร้างความสุข และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยต่อไป.-สำนักข่าวไทย