ชลบุรี 29 มี.ค.- สาวโรงพยาบาลร้องสื่อหลังจะไปยืนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาแต่ถูกสรรพากรเรียกเก็บเงินกว่า 2 แสนบาท สรรพากรแจงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก นางสาวภคอร จิตต์บุญ อายุ 26 ปี ทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชน ตำแหน่งรังสีเทคนิค และได้ไปยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ที่ กรมสรรพากรเขตที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรบอกว่าตนเองได้ค้างชำระเงินเป็นจำนวน 236,000 บาท ซึ่งเป็นค่านายหน้า บริษัท ก่อสร้างแห่งหนึ่ง ที่ตนเองค้างชำระอยู่ จึงบอกกับเจ้าหน้ากรมสรรพากรว่าตนเองนั้นทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนเพียงที่เดียวเท่านั้น ไม่ได้ทำอยู่ที่ บริษัทก่อสร้างแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจึงสอบถามข้อมูลอย่างละเอียดพร้อมกับบันทึกเสียงสนทนาของตนเองไว้เป็นหลักฐาน แล้วให้ตนเองไปแจ้งความไว้กับ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อกลับมายังบ้าน ตนเองจึงคิดพิจารณาว่าทำไมถึงไปมีชื่ออยู่ในบริษัทดังกล่าวได้ ทั้งที่ตนเองทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชน จึงคิดได้ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนเองได้ไป search google หางานในอินเทอร์เน็ตแล้วเผลอไปกรอกชื่อนามสกุล พร้อมด้วยเลขประจำตัวประชาชน ทิ้งไว้ ด้วยหลงเชื่อคำโฆษณาว่าทำงานออนไลน์ จนมาทราบเรื่องค้างชำระเงินถึง 236,000 บาท เป็นค่านายหน้า
ล่าสุด นายเกียรติศักดิ์ ว่องพานิช ผู้ช่วยสรรพากรภาค 5 ได้เชิญ นางสาวภคอร มาทำความเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าแท้จริงแล้วเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยทางกรมสรรพากรเขตที่ 1 ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินกับนางสาวภคอร แต่อย่างใด วันที่เกิดเหตุ นางสาวภคอร มาทำเรื่องขอคืนภาษี แต่กรมสรรพากรก็ทำการตรวจสอบว่า นางสาวภคอร มีรายได้อย่างอื่นหรือไม่ จึงไปตรวจสอบในระบบพบว่า นางสาวภคอร มีรายได้จาก บริษัท พีคอน เอ็นจิเนียริ่ง อยู่ 236,000 บาท เป็นค่านายหน้า ซึ่งเวลาจ่ายคิดค่าภาษีจริงแล้วแต่ตกอยู่ประมาณไม่กี่พันบาทเท่านั้น
นางสาวภคอร ยันยืนว่าตนไม่ได้รับเงินค่านายหน้าบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่ถูกนำชื่อไปใช้จากการสมัครหางานออนไลน์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทางกรมสรรพากร จึงให้ นางสาวภคอร ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เพื่อที่จะนำเอกสารใบแจ้งความมายืนเรื่องที่กรมสรรพากรอีกครั้ งเพื่อเป็นการยืนยันตนเองว่าไม่มีช่วยเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย