กรุงเทพฯ 23 มี.ค. – รองนายกรัฐมนตรีแนะสร้างสมดุลการพึ่งพาเศรษฐกิจภายใน-ภายนอกประเทศ ระบุกลุ่มประเทศ CLMVT จะเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
ในงานสัมมนา “CLMVT พลังขับเคลื่อนใหม่ของเอเชีย : จุดเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น การเมืองไทยเริ่มมีเสถียรภาพ โดยเมื่อวานนี้มีการประกาศตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์หดตัวร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งติดลบเล็กน้อยเท่านั้น และหากตัดตัวเลขบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เช่น ทองคำ ออกไปถือว่าการส่งออกของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอุตสาหกรรมเเทบทุกประเภทมีการส่งออกดีขึ้น การนำเข้าเติบโตกว่าร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย แต่ยอมรับว่าการพึ่งพาการส่งออกมากเกินไปเป็นข้อจำกัดสำคัญของกลุ่ม CLMVT ทำให้ไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งจากภายในได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ไม่เอื้อให้การส่งออกไทยเติบโตได้ดีเช่นในอดีต
ขณะเดียวกันมองว่าไทยกลายเป็นจุดพักที่สำคัญของเงินตราต่างประเทศ เมื่อค่าเงินของไทยเเข็งค่าขึ้นแสดงถึงเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น แต่อาจจะกระทบการส่งออก จึงต้องบริหารจัดการให้สมดุลกัน ทั้งนี้ มองว่าไทยพึ่งพิงการส่งออกมากเกินไป ดังนั้น จึงต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างมูลค่าให้กับสินค้าต่าง ๆ แก้ไขปัญหาหากฏระเบียบในการส่งออกต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายอย่างยิ่งหลายภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินการในยุคของรัฐบาลชุดนี้ซึ่งเป็นยุคที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปฏิรูป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกิดความไม่แน่นอนมากมายทั้งนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐหลังทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี แสดงให้เห็นว่าความมั่นคงตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ยุโรปหรือสหรัฐ แต่อยู่ที่เอเชีย ซึ่งจะเป็นตัวหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจโลกในอนาคตข้างหน้า โดยมองว่าอนาคตกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หรืออาเซป จะมาแทนที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เพราะอาเซียนมีทรัพยากรและเทคโนโลยีที่ครบถ้วนและอาเซียนจะเป็นตัวขับเคลื่อนอาเซปให้เติบโตต่อเนื่อง ภายใต้การเเข่งขันของจีนกับสหรัฐอเมริกา และมั่นใจว่าในอนาคตข้างหน้าประเทศอย่าง เช่น อังกฤษและฝรั่งเศสจะมุ่งมายังอาเซียน ดังนั้น CLMVT จึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นตัวเชื่อมกลุ่มประเทศอาเซียนให้มีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMVT มีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6-8 ต่อปี และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่มากถึง 230 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง จึงเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต
นายสมคิด ย้ำว่าแม้นโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ การส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร แต่นโยบายดีก็ต้องดำเนินควบคู่ไปกับการมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเน้นวางแผนบริหารประเทศเพียงระยะสั้น เพื่อทำตามความต้องการของประชาชนที่ให้การสนับสนุน ทั้งการวางแผนระยะยาวจะช่วยให้ประเทศมีความมั่นคงมากกว่า.-สำนักข่าวไทย