ก.ยุติธรรม 22 มี.ค.-น้องจูน ยื่นหนังสือ ยธ.ขอความช่วยเหลือเงินทุน และคุ้มครองพยาน
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ เดินทางมาพร้อมกับ น.ส.สุกฤตา สุภานิล หรือจูน อายุ28 ปีพร้อมกับนางสุนทรี เถาวัลย์ มารดา หลัง น.ส.สุกฤตา ถูกอดีตสามีซึ่งเป็นนายทหารยศร้อยตรี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกระโหลกร้าว เบ้าตาแตก ปมเหตุเกิดจากทะเลาะเรื่องสามีไปมีผู้หญิงอื่น โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.2559 เข้ายื่นหนังสือต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือพิจารณาสนับสนุนเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา จากกองทุนยุติธรรม และขอความคุ้มครองพยาน หลังทราบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมา
นายธวัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องและส่งต่อให้ทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พิจารณาเงินช่วยเหลือ โดยจะมีเงินค่ารักษาพยาบาล ไม่เกิน 40,000 บาท ในกรณีนี้ น้องจูนมีประกันสังคมจึงจะช่วยเหลือส่วนเกินจากสิทธิประกันสังคมอย่างเต็มที่ , ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ วงเงินไม่เกิน 20,000 บาท , ค่าช่วยเหลือกรณีหยุดงาน โดยเบื้องต้นจะช่วยเหลือตามค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 300 บาท กรณีเรื่องเกิดมาประมาณ 1 ปี ก็จะชดเชยตามจำนวน และค่าตอบแทนอื่นๆ วงเงิน 50,000 บาท
ส่วนมูลค่าทั้งหมดจะได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่นำมายื่น โดยจะนำเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาในวันที่ 29 มี.ค.นี้ นอกจากนี้จะประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการผ่าตัดใบหน้าของน้องจูน ตามที่ครอบครัวร้องขอ
ส่วนการคุ้มครองพยาน ขณะนี้ยังไม่ได้เข้ลสู่กระบวนการ เพราะหลักฐานยังไม่ชัดเจน แต่หากครอบครัวมีความต้องการก็พร้อมจะพิจารณา โดยให้มายื่นคำร้องที่กระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง จะแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ดูแลปกติทั่วไป และแบบพิเศษ ที่จะให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย และงดใช้โทรศัพท์ติดต่อภายนอก ต้องให้ครอบครัวน้องจูนพิจารณาอีกครั้ง
ด้านนางสุนทรี มารดาของน้องจูน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอขอบคุณสื่อมวลชน และประชาชนที่ช่วยเหลือ ช่วยแชร์ข่าวของลูกสาวตัวเองไม่ให้เรื่องเงียบ เพราะตนก็อยู่กับลูกสาวแค่ 2คนและลูกสาวก็เป็นเสาหลักหาเงินส่งมาเลี้ยงครอบครัว และเมื่อลูกสาวคนเดียวต้องมาเจอแบบนี้ คนเป็นแม่ก็ต้องพยายามต่อสู้ทุกทาง นอกจากเงินช่วยเหลือแล้วยังอยากขอความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่หรือสถานพยาบาลใจบุญ ช่วยผ่าตัดใบหน้าลูกสาวให้กลับมามอง หรือมีใบหน้าตามเดิม เพราะตอนนี้ลูกสาวเหมือนตายทั้งเป็น ตนไม่อยากทนเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก
ส่วนที่ผ่านมาตนได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจในพื้นที่คนหนึ่งบอกว่าแฟนใหม่ของผู้ต้องหาให้น้องจูนไปแก้ไขคำให้การ ไม่อย่างนั้นจะฟ้องร้องเป็นเงิน 5-6 ล้านบาท ด้วยความที่น้องจูนกลัวจึงรีบไปแก้คำให้การ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อน จึงอยากให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยด้วย
ขณะที่นายสงกานต์ กล่าวว่า นอกจากจะมาขอการพิจารณาเงินช่วยเหลือแล้ว หลังทราบว่าผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวออกมาชั่วคราวในวันนี้ ด้วยวงเงิน 4 แลนบาท ก็เกรงว่า น้องจูนและแม่จะได้รับผลกระทบเพราะครอบครัวอยู่กันแค่ 2 คน จึงมาขอความช่วยเหลือจากระทรวงยุติธรรม และวันพรุ่งนี้(23 มี.ค.) จะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจดีเอ็นเอ จากปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีการนำตรวจแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย