มีชัย ชี้วิกฤตการเมืองไทย 4 ด้าน

กรุงเทพฯ 22 มี.ค.-  ประธาน กรธ. ระบุ วิกฤตการเมืองไทย 4 ด้าน  ที่อันตรายที่สุดสำหรับประเทศ คือการเข้าสู่อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง จนทำลายความน่าเชื่อถือ แนะ ปลูกฝังวินัยตั้งแต่เด็ก 


สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองมหาสารคามและมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย เรื่อง ยุทธศาสตร์และทิศทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น   

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวปาฐกถาเรื่องบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทย โดยย้อนให้เห็นถึงวิกฤติการเมืองไทยใน 4 ด้าน ซึ่งปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ วิกฤตการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใช้ความดีงามเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหรือท้องถิ่น แต่เข้ามาเพื่อให้ได้อำนาจและใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและพรรคพวก 


ประธาน กรธ. กล่าวว่า เมื่อเข้ามาในวงการการเมืองแล้ว ต้นทุนก็สูง ก็ต้องเอาจากของหลวง จนในที่สุดไม่ได้ทำงานเพื่อพัฒนา แต่ทำเพื่อเอาสัดส่วนจากสิ่งที่ทำ เรียกกันว่า ทุจริตเชิงนโยบาย โดยใช้อำนาจไปในทางที่ไม่สุจริต และรักษาอำนาจด้วยวิธีการเอาทุนคืนและสะสมทุนรอนต่อไปในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นวิกฤตที่อันตรายที่สุดสำหรับประเทศและประชาชน รวมถึงทำลายความน่าเชื่อถือของระบอบประชาธิปไตย

นายมีชัย กล่าวว่า หากไม่ขจัดเรื่องนี้ บ้านเมืองจะไม่มีวันเจริญทัดเทียมกับประเทศอื่นได้ เพราะต้นทุนแพง อาทิ การจะสร้างถนน 100 ล้านบาท แต่ใช้งบประมาณถึง 200 ล้านบาท เป็นต้น เคยได้ยินว่า เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม ก็จะมีคนดีใจ เพราะจะได้ไม่เห็นหลักฐานที่เคยทำทุจริตไว้ 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า อีกหนึ่งวิกฤตคือ ประเทศไทยเริ่มมีกฎหมายมากขึ้น ประชาชนอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายโดยตลอด ตั้งแต่ตื่นจนนอนหลับ แต่เมื่อถามว่า การบังคับใช้กฎหมายนั้นตรงไปตรงมาหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ แต่เป็นไปตามดุลยพินิจของผู้มีอำนาจ ดังนั้น การกระทำผิดกฎหมายจึงเกิดขึ้นทั่วบ้านเมือง และผู้ที่ถูกจับกุมจะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะเห็นว่าสิ่งที่ตนเองกระทำก็มีผู้อื่นกระทำเช่นเดียวกัน และเมื่อไม่มีขื่อไม่มีแป แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ก็ไม่เกิดความสุขสงบและความเป็นธรรม 


นายมีชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตการณ์ที่ข้าราชการทำงานแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่มีกำหนดเวลา ทำให้ทำงานล่าช้า ก้าวไม่ทันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เมื่อผู้ที่อยู่ในอำนาจสูงไม่สุจริต ผู้ที่อยู่ข้างล่างก็ไม่สุจริตตาม แต่ลืมคิดไปว่า หากทุกคนหยุดไขว่คว้า เงินที่จะนำมาเพิ่มเงินเดือนก็จะมีมหาศาล และวิกฤตสุดท้าย คือ วิกฤติการทุจริต ที่เกิดจากการใช้ดุลยพินิจหลายขั้นตอน ทำให้เกิดการทุจริตง่าย

ประธาน กรธ. กล่าวว่า วิกฤตการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมา เกิดขึ้นจากคนไม่มีวินัย ความไม่มีวินัยทำให้การดำรงชีวิตยากลำบาก เกิดหนี้สิน ทำงานโดยไม่มีสำนึกในความรับผิดชอบ เมื่อคนไม่มีวินัย เวลาหาเสียงเลือกตั้งก็จะใช้ทุกวิถีทาง ไม่รู้สึกผิดกับการทุจริต  หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือ สร้างคนให้มีวินัย 2 ระดับ รัฐธรรมนูญจึงมุ่งพัฒนาการศึกษาตั้งแต่เด็ก และประคบประหงมตั้งแต่อยู่ในท้อง ซึ่งรัฐ ท้องถิ่นและประชาชนต้องร่วมมือกัน

นายมีชัย กล่าวว่า ในระยะต้น ก่อนเด็กจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ต้องถูกสอนให้มีวินัย พร้อมกับการพัฒนาสมองตามหลักสาธารณสุข เพื่อให้คนมีคุณภาพ การจะดำเนินการเช่นนี้ กลไกกระบวนการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะถูกจับแบ่งเป็นชิ้น ต่างคนต่างทำ งบประมาณมหาศาลไม่ได้อยู่กับเด็ก รัฐธรรมนูญนี้จึงทั้งบังคับ ชักชวนและขู่เข็ญ ว่า การจะปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีกลไกเป็นพิเศษ โดยมีคณะกรรมการที่จะไปปฏิรูปการศึกษาโดยเฉพาะแต่คณะกรรมการนี้จะต้องมาจากกระทรวงศึกษาธิการน้อยที่สุด และการศึกษาต้องเป็นไปตามความถนัดของเด็ก ไม่ใช่ความต้องการของสังคมและพ่อแม่ ดังนั้น กลไกในการปฏิรูปการศึกษาจึงสร้างไว้เฉพาะทาง 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า ส่วนกลไกการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นที่ตำรวจ เพราะมีหน้าที่โดยตรง แต่ทุกวันนี้ ตำรวจยังต้องพึ่งผู้มีอิทธิพลในการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง ดังนั้น การปฏิรูปตำรวจ จึงต้องให้คนนอกมามีส่วนร่วม เพื่อให้ตำรวจมีความมั่นคง และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่หากตำรวจไม่ยอมรับการปฏิรูป จนทำให้การปฏิรูปไม่สำเร็จ ตำรวจก็จะเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง และถูกฉีกไปอยู่ที่ท้องถิ่นหรือจังหวัด 

นายมีชัย กล่าวว่า ขณะที่วิกฤติทางการเมือง ต้องยึดกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  คือ ไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง  ซึ่งหลายเรื่องถูกบัญญัติห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่พบว่า ผู้บริหารแผ่นดิน และหน่วยงานราชการยังเมินเฉย แต่ต่อไป ทั้งสำนักงบประมาณ กระทรวง ทบวง กรม ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ยกเว้นทำบันทึกแสดงความเห็นคัดค้านเอาไว้ จะไม่ถูกลงโทษ เพื่อให้โอกาสข้าราชการที่ถูกฝ่ายการเมืองบีบ จึงเขียนเวลาที่จะติดตามเรื่องไว้ 20 ปี รอให้ฝ่ายการเมืองชุดนั้นพ้นจากตำแหน่ง ไม่ให้เป็นอันตรายกับข้าราชการคนดังกล่าว 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า การกำหนดรัฐธรรมนูญเช่นนี้ ก็เพื่อแก้วิกฤต และจุดที่สำคัญอยู่ที่ตอนท้ายของรัฐธรรมนูญ คือหมวดว่าด้วยการปฏิรูปในด้านต่างๆ และบังคับด้วยว่า ต้องออกกฎหมายวิธีการปฏิรูป วิธีการจัดทำยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน โดยอาศัยประสบการณ์จากรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ๆ ที่ไม่สามารถออกกฎหมายได้จริง รัฐธรรมนูญใหม่จึงกำหนดเวลาไว้ และกำหนดบทลงโทษกรณีทำไม่แล้วเสร็จตามกำหนดด้วย เชื่อว่า หากดำเนินการครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังแก้วิกฤตไม่ทั้งหมด แต่ต้องให้คนรุ่นนี้ไปก่อน แล้วสร้างวินัยเด็กให้เด็กรุ่นใหม่

นายมีชัย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้มุ่งแต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น แต่นึกถึงผลกระทบที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินการของรัฐ และ กรธ.รู้ว่า สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดคือกฎหมายที่มีจำนวนมาก เพราะสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของคนต้องถูกควบคุมจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี และทุกครั้งที่ออกกฎหมาย คือการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น รัฐธรรมนูญนี้จึงพยายามสร้างกลไกการปฏิรูปเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ดีขึ้น ไม่ให้เกิดวิกฤตแบบที่เคยเกิดขึ้นอย่างที่ผ่านมา แต่จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทุกคนจะมองเห็นผลสัมฤทธิ์นั้นหรือไม่  หากทุกคนร่วมกัน เชื่อว่า กลไกที่เขียนในรัฐธรรมนูญจะแก้วิกฤตได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย