มีชัย ชี้วิกฤตการเมืองไทย 4 ด้าน

กรุงเทพฯ 22 มี.ค.-  ประธาน กรธ. ระบุ วิกฤตการเมืองไทย 4 ด้าน  ที่อันตรายที่สุดสำหรับประเทศ คือการเข้าสู่อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง จนทำลายความน่าเชื่อถือ แนะ ปลูกฝังวินัยตั้งแต่เด็ก 


สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองมหาสารคามและมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ สมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย เรื่อง ยุทธศาสตร์และทิศทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น   

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวปาฐกถาเรื่องบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทย โดยย้อนให้เห็นถึงวิกฤติการเมืองไทยใน 4 ด้าน ซึ่งปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ วิกฤตการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใช้ความดีงามเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหรือท้องถิ่น แต่เข้ามาเพื่อให้ได้อำนาจและใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและพรรคพวก 


ประธาน กรธ. กล่าวว่า เมื่อเข้ามาในวงการการเมืองแล้ว ต้นทุนก็สูง ก็ต้องเอาจากของหลวง จนในที่สุดไม่ได้ทำงานเพื่อพัฒนา แต่ทำเพื่อเอาสัดส่วนจากสิ่งที่ทำ เรียกกันว่า ทุจริตเชิงนโยบาย โดยใช้อำนาจไปในทางที่ไม่สุจริต และรักษาอำนาจด้วยวิธีการเอาทุนคืนและสะสมทุนรอนต่อไปในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นวิกฤตที่อันตรายที่สุดสำหรับประเทศและประชาชน รวมถึงทำลายความน่าเชื่อถือของระบอบประชาธิปไตย

นายมีชัย กล่าวว่า หากไม่ขจัดเรื่องนี้ บ้านเมืองจะไม่มีวันเจริญทัดเทียมกับประเทศอื่นได้ เพราะต้นทุนแพง อาทิ การจะสร้างถนน 100 ล้านบาท แต่ใช้งบประมาณถึง 200 ล้านบาท เป็นต้น เคยได้ยินว่า เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม ก็จะมีคนดีใจ เพราะจะได้ไม่เห็นหลักฐานที่เคยทำทุจริตไว้ 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า อีกหนึ่งวิกฤตคือ ประเทศไทยเริ่มมีกฎหมายมากขึ้น ประชาชนอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายโดยตลอด ตั้งแต่ตื่นจนนอนหลับ แต่เมื่อถามว่า การบังคับใช้กฎหมายนั้นตรงไปตรงมาหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ แต่เป็นไปตามดุลยพินิจของผู้มีอำนาจ ดังนั้น การกระทำผิดกฎหมายจึงเกิดขึ้นทั่วบ้านเมือง และผู้ที่ถูกจับกุมจะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะเห็นว่าสิ่งที่ตนเองกระทำก็มีผู้อื่นกระทำเช่นเดียวกัน และเมื่อไม่มีขื่อไม่มีแป แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ก็ไม่เกิดความสุขสงบและความเป็นธรรม 


นายมีชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตการณ์ที่ข้าราชการทำงานแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่มีกำหนดเวลา ทำให้ทำงานล่าช้า ก้าวไม่ทันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เมื่อผู้ที่อยู่ในอำนาจสูงไม่สุจริต ผู้ที่อยู่ข้างล่างก็ไม่สุจริตตาม แต่ลืมคิดไปว่า หากทุกคนหยุดไขว่คว้า เงินที่จะนำมาเพิ่มเงินเดือนก็จะมีมหาศาล และวิกฤตสุดท้าย คือ วิกฤติการทุจริต ที่เกิดจากการใช้ดุลยพินิจหลายขั้นตอน ทำให้เกิดการทุจริตง่าย

ประธาน กรธ. กล่าวว่า วิกฤตการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมา เกิดขึ้นจากคนไม่มีวินัย ความไม่มีวินัยทำให้การดำรงชีวิตยากลำบาก เกิดหนี้สิน ทำงานโดยไม่มีสำนึกในความรับผิดชอบ เมื่อคนไม่มีวินัย เวลาหาเสียงเลือกตั้งก็จะใช้ทุกวิถีทาง ไม่รู้สึกผิดกับการทุจริต  หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือ สร้างคนให้มีวินัย 2 ระดับ รัฐธรรมนูญจึงมุ่งพัฒนาการศึกษาตั้งแต่เด็ก และประคบประหงมตั้งแต่อยู่ในท้อง ซึ่งรัฐ ท้องถิ่นและประชาชนต้องร่วมมือกัน

นายมีชัย กล่าวว่า ในระยะต้น ก่อนเด็กจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ต้องถูกสอนให้มีวินัย พร้อมกับการพัฒนาสมองตามหลักสาธารณสุข เพื่อให้คนมีคุณภาพ การจะดำเนินการเช่นนี้ กลไกกระบวนการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะถูกจับแบ่งเป็นชิ้น ต่างคนต่างทำ งบประมาณมหาศาลไม่ได้อยู่กับเด็ก รัฐธรรมนูญนี้จึงทั้งบังคับ ชักชวนและขู่เข็ญ ว่า การจะปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีกลไกเป็นพิเศษ โดยมีคณะกรรมการที่จะไปปฏิรูปการศึกษาโดยเฉพาะแต่คณะกรรมการนี้จะต้องมาจากกระทรวงศึกษาธิการน้อยที่สุด และการศึกษาต้องเป็นไปตามความถนัดของเด็ก ไม่ใช่ความต้องการของสังคมและพ่อแม่ ดังนั้น กลไกในการปฏิรูปการศึกษาจึงสร้างไว้เฉพาะทาง 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า ส่วนกลไกการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นที่ตำรวจ เพราะมีหน้าที่โดยตรง แต่ทุกวันนี้ ตำรวจยังต้องพึ่งผู้มีอิทธิพลในการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง ดังนั้น การปฏิรูปตำรวจ จึงต้องให้คนนอกมามีส่วนร่วม เพื่อให้ตำรวจมีความมั่นคง และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่หากตำรวจไม่ยอมรับการปฏิรูป จนทำให้การปฏิรูปไม่สำเร็จ ตำรวจก็จะเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง และถูกฉีกไปอยู่ที่ท้องถิ่นหรือจังหวัด 

นายมีชัย กล่าวว่า ขณะที่วิกฤติทางการเมือง ต้องยึดกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  คือ ไม่ให้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง  ซึ่งหลายเรื่องถูกบัญญัติห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่พบว่า ผู้บริหารแผ่นดิน และหน่วยงานราชการยังเมินเฉย แต่ต่อไป ทั้งสำนักงบประมาณ กระทรวง ทบวง กรม ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ยกเว้นทำบันทึกแสดงความเห็นคัดค้านเอาไว้ จะไม่ถูกลงโทษ เพื่อให้โอกาสข้าราชการที่ถูกฝ่ายการเมืองบีบ จึงเขียนเวลาที่จะติดตามเรื่องไว้ 20 ปี รอให้ฝ่ายการเมืองชุดนั้นพ้นจากตำแหน่ง ไม่ให้เป็นอันตรายกับข้าราชการคนดังกล่าว 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า การกำหนดรัฐธรรมนูญเช่นนี้ ก็เพื่อแก้วิกฤต และจุดที่สำคัญอยู่ที่ตอนท้ายของรัฐธรรมนูญ คือหมวดว่าด้วยการปฏิรูปในด้านต่างๆ และบังคับด้วยว่า ต้องออกกฎหมายวิธีการปฏิรูป วิธีการจัดทำยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน โดยอาศัยประสบการณ์จากรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ๆ ที่ไม่สามารถออกกฎหมายได้จริง รัฐธรรมนูญใหม่จึงกำหนดเวลาไว้ และกำหนดบทลงโทษกรณีทำไม่แล้วเสร็จตามกำหนดด้วย เชื่อว่า หากดำเนินการครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังแก้วิกฤตไม่ทั้งหมด แต่ต้องให้คนรุ่นนี้ไปก่อน แล้วสร้างวินัยเด็กให้เด็กรุ่นใหม่

นายมีชัย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้มุ่งแต่เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น แต่นึกถึงผลกระทบที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินการของรัฐ และ กรธ.รู้ว่า สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดคือกฎหมายที่มีจำนวนมาก เพราะสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของคนต้องถูกควบคุมจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี และทุกครั้งที่ออกกฎหมาย คือการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น รัฐธรรมนูญนี้จึงพยายามสร้างกลไกการปฏิรูปเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ดีขึ้น ไม่ให้เกิดวิกฤตแบบที่เคยเกิดขึ้นอย่างที่ผ่านมา แต่จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทุกคนจะมองเห็นผลสัมฤทธิ์นั้นหรือไม่  หากทุกคนร่วมกัน เชื่อว่า กลไกที่เขียนในรัฐธรรมนูญจะแก้วิกฤตได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]