กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – ไทยพาณิชย์แนะปรับลุคธุรกิจท่องเที่ยวไทย เจาะกลุ่มผู้สูงอายุกระเป๋าหนัก พร้อมรุกสื่อออนไลน์
นายวิธาน เจริญผล ผู้อำนวยการคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยปีนี้มีประมาณ 35.3 ล้านคน เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 8.4 จะนำรายได้สู่ประเทศ 2.9 ล้านล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก อย่างไรก็ตาม กระแสธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุมาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 19 ในปี 2558 ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง โดยมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึงร้อยละ 9 เฉลี่ย 50,684 บาท ต่อคน ซึ่งสร้างรายได้ให้ไทยประมาณ 183,000 ล้านบาทในปี 2558 อีกทั้งยังใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยยาวกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ เฉลี่ยประมาณ 8-9 วัน ดังนั้น ธุรกิจท่องเที่ยวควรหันมาให้ความสนใจนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ 3 ด้าน คือ ความปลอดภัย การกำหนดโปรแกรมการท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ค่อนข้างนาน ไม่เร่งรีบ และความพร้อมด้านการแพทย์ และการดูแลสุขภาพให้นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งอาจจะต้องจับมือกับธุรกิจโรงพยาบาลและดูแลสุขภาพ
นอกจากนี้ ผู้เกษียณอายุมีแนวโน้มจะหาสถานที่ เพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณในประเทศที่มีค่าครองชีพถูกลง ซึ่งประเทศไทยถูกจัดเป็นประเทศจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ จากผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นและยุโรป ดังนั้นธุรกิจที่จะได้อานิสงส์ทางตรง คือ ธุรกิจการให้บริการที่พักระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 75,000 ล้านบาทในปี 2563 รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีตลาดชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น
“การแข่งขันระหว่างประเทศในการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีสูง ทั้งการผ่อนปรนกฎระเบียบการออกวีซ่าและ การลงทุนสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ดังนั้น ธุรกิจท่องที่ยวไทยต้องเร่งสร้างความแตกต่าง เน้นท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ท่องเที่ยวเชิงกีฬา เช่น การแข่งขันวิ่งมาราธอน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันสูงในตลาดท่องเที่ยวทั่วไป (Mass) ที่เน้นการลดราคาที่พักและราคาทัวร์” นายวิธาน กล่าว
นายวิธาน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกด้านอินเทอร์เน็ตและดิจิทัล โดยมูลค่าตลาดบริการท่องเที่ยวออนไลน์ในเอเชียแปซิฟิกเติบโตร้อยละ 17 ต่อปี ขณะที่ทั่วโลกเติบโตร้อยละ 12 ต่อปี ดังนั้น ธุรกิจท่องเที่ยวต้องให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทั้ง Facebook Instagram เน้นการสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์ นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมยังต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เช่น Airbnb ซึ่งมีการเติบโตกว่าร้อยละ 130 ตั้งแต่ปี 2553 โดยปัจจุบัน Airbnb มีห้องพักในระบบที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 3 ล้านห้อง ใน 190 ประเทศทั่วโลก ขณะที่บริษัทที่มีโรงแรมในเครือใหญ่ที่สุดในโลก เช่น แมริออท มีห้องพักเพียง 1.1 ล้านห้อง ทำให้ Airbnb สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้อย่างเต็มตัว ดังนั้น ธุรกิจโรงแรมของไทยต้องยกระดับการให้บริการเพื่อเสริมจุดแข็งในการแข่งขัน .- สำนักข่าวไทย