เชียงราย 21 มี.ค. – การทำธุรกิจการเกษตรจำเป็นต้องอาศัยโอกาสและเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น อย่างเช่นที่ “จรัลฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงปลาและเลี้ยงไก่รายใหญ่ของเชียงราย ซึ่งสร้างสมประสบการณ์และขยายธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น โดยค่อยๆ ขยายกิจการและเพิ่มทุน โดยให้ บสย.ช่วยค้ำประกันให้ จนสามารถสร้างโอกาสและขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง
พื้นที่กว่า 350 ไร่ ใน ต.ดอยงาม อ.พาน จ.เชียงราย ท่ามกลางสระน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบ สำหรับเลี้ยงปลานานาชนิด ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ “จรัลฟาร์ม” ที่ดำเนินกิจการมาเกือบ 40 ปีแล้ว นับตั้งแต่คุณจรัล ไชยองค์การ รุ่นพ่อที่บุกเบิกการเลี้ยงปลาในฟาร์มแห่งนี้ จนกระทั่งถึงทายาทในรุ่นที่ 2 สืบทอดธุรกิจการเลี้ยงปลา ทั้งปลาบึก ปลานิล ปลาหมอ และปลาเทพา ส่งขายไปทั่วภาคเหนือ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน โดยพัฒนาการเลี้ยงปลาให้ดีขึ้น ทั้งด้านเทคนิคการเลี้ยง หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในฟาร์ม รวมทั้งการตลาด จนสามารถขยายฟาร์มเลี้ยงปลาได้อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาบึกในเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกร อ.พาน หันมาเลี้ยงปลานิล จนสามารถก่อตั้งสหกรณ์ประมงพาน ส่งปลานิลขายไปทั่วภาคเหนือ ซึ่งเฉพาะฟาร์มนี้ผลิตปลานิลออกสู่ตลาดได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 ตัน
ดร.ฐิติพงศ์ ไชยองค์การ ผู้บริหารจรัลฟาร์ม รุ่นที่ 2 ซึ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากรุ่นพ่อ ต่อยอดสู่การบริการอย่างเป็นระบบ ยอมรับว่า ธุรกิจการเกษตรมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย การขยายกิจการจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป
ผู้บริหารจรัลฟาร์ม รุ่นที่ 2 ยังบอกอีกว่า สิ่งสำคัญนอกจากจะเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ทำแล้ว การจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยเงินทุนให้ทันกับโอกาส จะช่วยให้ต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ตอบโจทย์นี้ได้ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ เมื่อหลักทรัพย์ไม่พอ บสย.ช่วยค้ำประกันให้
“จรัลฟาร์ม” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จในการทำธุรกิจสินค้าเกษตร ซึ่งต้องอาศัยผู้บริหารที่มีความเข้าใจการพัฒนาสินค้าอยู่ตลอดเวลา พร้อมๆ กับการหาตลาดและการลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม จึงจะทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคง. – สำนักข่าวไทย